โครงการนำร่องธุรกิจร้านอาหารเคลื่อนที่ (Food Trucks) ในฮ่องกง(ตอนจบ)
Thansettakij เว็บไซต์ข่าวฐานเศรษฐกิจ ผนวกไลฟ์สไตล์ Start up SMEs อสังหาริมทรัพย์ การเงิน การลงทุน การตลาด เศรษฐกิจ เทคโนโลยี Breaking News อัพเดตข่าวล่าสุดที่นี่
ความแตกต่างระหว่าง Street Hawkers กับ Food Trucks
ในช่วงปลายปี 2558 รัฐบาลฮ่องกงประกาศเปิดตัวโครงการนำร่อง Food Trucks อย่างเป็นทางการ ซึ่งก่อให้เกิดคำถามมากมายจากผู้คนที่สนใจในธุรกิจแนวนี้ เนื่องจากในอดีตฮ่องกงเคยมีร้านค้ารถเข็นขายอาหารริมทางเดินมากมายซึ่งเป็นเอกลักษณ์ที่โดดเด่นมาอย่างช้านาน แต่ในระยะหลัง รัฐบาลฮ่องกงได้ห้ามค้าขายริมทางเดินทำให้พ่อค้าแม่ค้าริมทางต้องไปหาอาชีพอื่นเพื่อยังชีพแทน จนกระทั่งเมื่อต้นปี 2558 รัฐบาลได้ประกาศสนับสนุนธุรกิจ Food Trucks ที่ดูเหมือนจะนำแนวคิดมาจากต่างประเทศ ทำให้บุคคลหลายกลุ่มไม่เห็นด้วย
โดย นางสาวซูซาน จัง (Susan Jung) นักเขียนคอลัมน์อาหารและเครื่องดื่มของหนังสือพิมพ์ เซาธ์ ไชน่า มอร์นิ่ง โพสต์ ได้แสดงความไม่เห็นด้วยกับโครงการนำร่อง Food Trucks ของรัฐบาลฮ่องกงและได้ยกตัวอย่างการขายอาหารริมทางในอดีตขึ้นมาเปรียบเทียบโดยกล่าวว่าฮ่องกงกำลังเลียนแบบสิ่งที่มีอยู่ในต่างประเทศแต่ขาดความใส่ใจในมรดกของฮ่องกงที่เคยมี รถเข็นขายอาหารริมทางเดินในอดีตเป็นสิ่งที่น่าสนใจสำหรับนักท่องเที่ยวและเป็นเอกลักษณ์ของฮ่องกงอย่างแท้จริง
นางสาวจังเห็นว่าฮ่องกงไม่จำเป็นต้องมีรถขายอาหารชนิดอื่นเพิ่มเติมอีกนอกจากรถแนว Food Trucks ขายไอศกรีมที่มีอยู่ในปัจจุบัน ทางการฮ่องกงคาดการณ์ค่าใช้จ่ายสำหรับการดำเนินธุรกิจ Food Trucks จะเริ่มต้นที่ประมาณ 6 แสนดอลลาร์ฮ่องกง ซึ่งเป็นจำนวนเงินไม่น้อยเลยสำหรับการลงทุนทำธุรกิจครั้งแรก และกลุ่มเป้าหมายหลักของทางการฮ่องกงที่วางไว้สำหรับโครงการนี้ก็คือกลุ่มนักท่องเที่ยว จึงได้กำหนดให้ผู้ประกอบการในโครงการดำเนินธุรกิจได้เพียง 8 เขตที่เป็นแหล่งท่องเที่ยวสำคัญ ซึ่งแนวคิดดังกล่าวอาจไม่สามารถสร้างรายได้ที่เพียงพอให้กับผู้ประกอบการได้
ฝันที่เป็นจริงของผู้ประกอบการ?
หลังจากที่ทางการฮ่องกงได้ประกาศเริ่มต้นดำเนินโครงการนำร่อง Food Trucks ไปเมื่อช่วงปลายปี 2558 ทำให้เกิดคำถามมากมายเกี่ยวกับความคิดและวิธีการดำเนินงานของโครงการ ผู้ประกอบการบางส่วนที่ประกอบธุรกิจร้านอาหารเคลื่อนที่อยู่ก่อนหน้านั้นได้ศึกษารายละเอียดของโครงการนำร่องดังกล่าวและพบว่าร้านอาหารเคลื่อนที่ของตนไม่เป็นไปตามข้อกำหนดของทางรัฐบาลที่กำหนดขนาดพื้นที่ในการเตรียมอาหารในร้านอาหารเคลื่อนที่ว่าต้องมีพื้นที่อย่างน้อย 6 ตารางเมตร นายซิลกี้ หว่าน ซุยเค่ย ผู้ประกอบการ Food Trucks รายหนึ่งกล่าวว่า รู้สึกตกใจเมื่อทราบถึงข้อกำหนดและคุณสมบัติต่าง ๆ ของการสมัครโครงการนำร่องนี้ เนื่องจากปัจจุบันทางการฮ่องกงยังไม่มีกฎระเบียบข้อบังคับที่ชัดเจนเกี่ยวกับการบริหารจัดการธุรกิจประเภท Food Trucks ส่วนกฎระเบียบข้อบังคับที่ใช้อยู่ในปัจจุบันนั้นเป็นข้อบังคับสำหรับธุรกิจร้านอาหารทั่วไปเท่านั้น ผู้ประกอบการรายนี้ได้เสนอให้ทางการฮ่องกงกำหนดตัวบทกฎหมายใหม่ที่ใช้ครอบคลุมเฉพาะธุรกิจร้านอาหารเคลื่อนที่
นอกจากนี้ นายไซมอน ชุง ประธานบริหารจากสมาคมผู้ประกอบการรถขายอาหารแห่งฮ่องกง หรือ Hong Kong Food Truck Association (HKFTA) และเป็นพ่อครัวอาหารอิตาลีที่มีชื่อเสียง กล่าวว่า ทางการฮ่องกงไม่อนุญาตให้ผู้ประกอบการในโครงการ Food Trucks เปลี่ยนเมนูอาหารที่ได้เสนอไว้ในตอนต้นตลอดระยะเวลาที่อยู่ในโครงการ ซึ่งหมายความว่าผู้ประกอบการที่ผ่านการคัดเลือกจะต้องขายอาหารชนิดเดิมซ้ำกันทุกวันและต้องขายในเขต (สถานที่) ที่ทางการกำหนดให้เป็นเวลา 4 เดือนจึงจะสามารถหมุนเวียนเปลี่ยนเขตที่ขายได้ สำหรับตารางการหมุนเวียนสถานที่ขายนั้นจัดทำโดย The Tourism Commission ซึ่งนายชุงได้แสดงความคิดเห็นต่อแนวคิดดังกล่าวว่า หากเมนูไม่เป็นที่น่าสนใจสำหรับการขายในเขตนั้นๆ ผู้ประกอบการจะต้องยอมรับความเสี่ยงในการขายอย่างหลีกเลี่ยงไม่ได้ เขายังกล่าวว่า อีกหนึ่งปัจจัยสำคัญที่เป็นอุปสรรคต่อผู้ประกอบการที่สนใจเข้าร่วมโครงการนี้คือการทำแผนธุรกิจร้านอาหารเคลื่อนที่ กรณีที่ผู้สนใจมีอาชีพเป็นพ่อครัวอยากจะเริ่มต้นธุรกิจของตนเองก็อาจไม่มีความรู้ความสามารถพอในการเขียนแผนธุรกิจให้สำเร็จได้ ดังนั้น พ่อครัวเหล่านั้นจึงต้องเสียเงินไม่น้อยเพื่อจ้างมืออาชีพให้ช่วยเขียนแผนธุรกิจให้ นายชุงได้แสดงความคิดเห็นว่า ขั้นตอนของการรับสมัครผู้ประกอบการในโครงการนำร่อง Food Trucks นั้นควรนำเอาการสาธิตอาหารจานหลักของร้านขึ้นต้นก่อนการนำส่งแผนธุรกิจ มิเช่นนั้น พ่อครัวที่มีความสามารถอาจไม่ผ่านการคัดเลือกในตอนต้นเนื่องจากแผนธุรกิจนั้นไม่ดีพอ อย่างไรก็ตาม HKFTA ได้ให้การสนับสนุนแก่สมาชิกในองค์กรเพื่อเข้าร่วมโครงการนำร่อง Food Trucks ของรัฐบาลในครั้งนี้ โดยมีสมาชิกที่สนใจกว่า 12 ราย สมัครเข้าร่วมโครงการดังกล่าวเรียบร้อยแล้ว
ธุรกิจขายอาหารนั้นเป็นธุรกิจเก่าแก่ดั้งเดิมที่มีมาอย่างยาวนาน โดยเฉพาะในฮ่องกงที่ได้ชื่อว่าเป็นเมืองแห่งนักชิม มีอาหารให้เลือกรับประทานหลากหลายจากนานาภูมิภาค การขายอาหารบนรถเคลื่อนที่นั้นอาจไม่ใช่สิ่งใหม่สำหรับฮ่องกง เนื่องจากในอดีตฮ่องกงก็มีอาหารรถเข็นที่เคยเป็นที่นิยมชมชอบของชาวฮ่องกงและต่างชาติ อาทิ ลูกชิ้นปลาทอดราดซอสแกงกะหรี่ (curry fish ball) บะหมี่รถเข็น (cart noodle) วาฟเฟิลทาเนย/นมข้นหวาน (waffles spread with peanut butter or condensed milk) เพียงแต่การขายอาหารดังกล่าวในปัจจุบันได้ปรับเปลี่ยนเข้าไปขายในตึกและอาคารแทนการขายในรถเข็น
ภาพลักษณ์ของรถเข็นขายอาหารริมทางในอดีตอาจดูไม่ถูกหลักสุขลักษณะนักจึงกลายเป็นสาเหตุสำคัญที่ทำให้รัฐบาลฮ่องกงต้องประกาศห้ามขายอาหารริมทางอย่างสิ้นเชิง ซึ่งการที่รัฐบาลฮ่องกงเสนอโครงการร้านอาหารเคลื่อนที่ Food Trucks โดยมีระยะเวลาในการทดลอง 2 ปีนั้น ศูนย์ข้อมูลเพื่อธุรกิจไทยในจีน (BIC) เห็นว่าเป็นโอกาสที่ดีสำหรับผู้ประกอบการที่ต้องการสานฝันในการสร้างธุรกิจของตนโดยเฉพาะในกลุ่มคนรุ่นใหม่ที่มีความมุ่งมั่น อย่างไรก็ดี การเริ่มทำธุรกิจอะไรก็ตามย่อมต้องอาศัยปัจจัยหลายอย่างประกอบกัน ธุรกิจร้านอาหารเคลื่อนที่ Food Trucks ก็เช่นกัน ดังนั้น ผู้ประกอบการจึงต้องพิจารณาถึงปัจจัยแวดล้อมต่าง ๆ อย่างถี่ถ้วนก่อนการตัดสินใจเริ่มลงทุน ผู้ประกอบการควรศึกษาหาความรู้เพิ่มเติมเกี่ยวกับธุรกิจร้านอาหารเคลื่อนที่และวางแผนการดำเนินธุรกิจอย่างรอบคอบเพื่อสร้างความสำเร็จในธุรกิจต่อไป
ติดตามข้อมูลข่าวสารเพิ่มเติมเกี่ยวกับช่องทางการค้า-การลงทุนและความเคลื่อนไหวล่าสุดเกี่ยวกับเศรษฐกิจจีนได้ที่เว็บไซต์ศูนย์ข้อมูลเพื่อธุรกิจไทยในจีน (BIC) www.thaibizchina.com หรือช่องทางใหม่ www.facebook.com/thaibizchina
จากหนังสือพิมพ์ฐานเศรษฐกิจ ปีที่ 36 ฉบับที่ 3,170
วันที่ 30 มิถุนายน - 2 กรกฎาคม พ.ศ. 2559