ปชป.รับข้อเรียกร้องภารโรง 4 ภาค จี้แก้ปัญหาจ้างงานไม่เป็นธรรม

21 ธ.ค. 2568 | 08:45 น.

รองฯ รัดเกล้า ตัวแทนประชาธิปัตย์รับข้อเรียกร้องเครือข่ายนักการภารโรง 4 ภาค จี้แก้ปัญหาจ้างงานไม่เป็นธรรม – ผลักดันคุ้มครองแรงงานรัฐทั้งระบบ ขอเพิ่มอัตราค่าจ้างขั้นต่ำเป็นวันละ 400 บาท

KEY

POINTS

  • พรรคประชาธิปัตย์ รับข้อเรียกร้องจากเครือข่ายนักการภารโรง 4 ภาค เพื่อแก้ไขปัญหาการจ้างงานที่ไม่เป็นธรรมและขาดความมั่นคง
  • ปัญหาหลักเกิดจากการจ้างงานในรูปแบบ "จ้างเหมาบริการ" ซึ่งทำให้อัตราค่าจ้าง 9,000 บาทต่อเดือนไม่เคยปรับขึ้นมากว่า 23 ปี และไม่ได้รับสิทธิประกันสังคม
  • เครือข่ายฯ เรียกร้องให้ปรับขึ้นค่าจ้างขั้นต่ำ, แก้ไขกฎหมายให้คุ้มครองลูกจ้างส่วนราชการ, และเปลี่ยนรูปแบบการจ้างงานให้ใช้งบบุคลากรโดยตรง

นางรัดเกล้า อินทวงศ์สุวรรณคีรี รองหัวหน้าพรรคประชาธิปัตย์ เป็นตัวแทนพรรค รับมอบข้อมูลและข้อเรียกร้องจากเครือข่ายลูกจ้างนักการภารโรงแห่งประเทศไทย (4 ภาค) เกี่ยวกับปัญหาความเดือดร้อนและความไม่เป็นธรรมในการจ้างงานลูกจ้างส่วนราชการ โดยเฉพาะนักการภารโรงในสังกัดสำนักงานคณะกรรมการการศึกษาขั้นพื้นฐาน (สพฐ.) กระทรวงศึกษาธิการ

เครือข่ายฯ ระบุว่า ปัญหาดังกล่าวมีรากเหง้ามาตั้งแต่มติคณะรัฐมนตรี เมื่อวันที่ 26 พฤษภาคม 2541 ที่กำหนดมาตรการปรับขนาดกำลังคนภาครัฐ ยกเลิกตำแหน่งลูกจ้างประจำหมวดแรงงานที่ว่างลง และให้ใช้การจ้างเหมาบริการแทน ส่งผลให้ลูกจ้างจำนวนมากขาดความมั่นคงในการทำงาน

ต่อมาในช่วงปี พ.ศ.2552–2555 รัฐบาลได้ดำเนินโครงการกระตุ้นเศรษฐกิจระยะที่ 2 (SP2) และโครงการ “คืนครูให้นักเรียน” โดยจัดสรรอัตรานักการภารโรงในลักษณะจ้างเหมาบริการ ค่าจ้างเดือนละ 9,000 บาท ซึ่งอัตราค่าจ้างดังกล่าวถูกใช้ต่อเนื่องยาวนานกว่า 23 ปี โดยไม่เคยมีการปรับเพิ่ม ขณะที่ลูกจ้างยังไม่ได้รับสิทธิประกันสังคมมาตรา 33 และไม่ได้รับความคุ้มครองตามกฎหมายแรงงานอย่างแท้จริง

เครือข่ายฯ ยังชี้ว่า ภายหลังมติคณะรัฐมนตรีว่าด้วยมาตรการบริหารกำลังคนภาครัฐ พ.ศ.2566–2570 ที่ห้ามส่วนราชการใช้งบบุคลากรจ้างลูกจ้างชั่วคราว ยกเว้นบางกรณี ส่งผลให้ สพฐ. ขาดงบประมาณในการจ้างงานและการสมทบกองทุนประกันสังคม ทำให้ในช่วงปี พ.ศ.2567–2568 ลูกจ้างจำนวนมากไม่ได้รับการจัดสรรงบประมาณ และตกอยู่ในภาวะไร้หลักประกันด้านแรงงาน

ทั้งนี้ เครือข่ายลูกจ้างนักการภารโรงแห่งประเทศไทย (4 ภาค) ซึ่งระบุว่ามีลูกจ้างส่วนราชการที่ได้รับผลกระทบรวมกว่า 515,000 คน ได้เสนอข้อเรียกร้องเชิงนโยบายสำคัญ ได้แก่

1. ขอให้คณะกรรมการกำหนดเป้าหมายและนโยบายกำลังคนภาครัฐ อนุญาตให้ใช้ “งบบุคลากร” ในการจ้างลูกจ้างชั่วคราวของส่วนราชการ แทนการจ้างในรูปแบบพัสดุ

2. ปรับเพิ่มอัตราค่าจ้างขั้นต่ำเป็นวันละ 400 บาท หรือมากกว่านั้น และบังคับใช้ทั่วประเทศ

 

ปชป.รับข้อเรียกร้องภารโรง 4 ภาค จี้แก้ปัญหาจ้างงานไม่เป็นธรรม

 

พร้อมกันนี้ เครือข่ายฯ เรียกร้องให้มีการแก้ไขพระราชบัญญัติคุ้มครองแรงงาน พ.ศ.2542 ให้บังคับใช้กับลูกจ้างของทุกส่วนราชการ และคืนสถานะตำแหน่งลูกจ้างประจำ โดยบังคับใช้ระเบียบกระทรวงการคลังว่าด้วยลูกจ้างประจำของส่วนราชการ พ.ศ.2537 และที่แก้ไขเพิ่มเติม ครอบคลุมทั้งส่วนกลาง ส่วนภูมิภาค และส่วนท้องถิ่น

นางรัดเกล้า กล่าวเพิ่มเติมว่า ตัวแทนเครือข่ายลูกจ้างนักการภารโรงได้สะท้อนเหตุผลที่เลือกมายื่นข้อเรียกร้องกับพรรคประชาธิปัตย์ เนื่องจากยกย่องและให้ความสำคัญกับบทบาทของนายอภิสิทธิ์ เวชชาชีวะ อดีตหัวหน้าพรรคประชาธิปัตย์ ซึ่งเป็นนายกรัฐมนตรีในปี พ.ศ.2552 และเป็นผู้ผลักดันให้เกิด “วิชาชีพนักการภารโรง” อย่างเป็นรูปธรรมในระบบการศึกษาไทย

“เครือข่ายนักการภารโรงบอกกับดิฉันอย่างชัดเจนว่า อาชีพนี้มักถูกมองข้ามความสำคัญมาโดยตลอด แม้จะเป็นกำลังหลักที่ทำให้โรงเรียนสามารถดำเนินการได้อย่างปลอดภัยและมีประสิทธิภาพ กระทั่งเกิดเหตุการณ์สะเทือนขวัญในปี 2567 ที่จังหวัดเชียงราย ซึ่งครูผู้หญิงถูกทำร้าย ทำให้ภาครัฐมีคำสั่งเพิ่มจำนวนของนักการภารโรง เพื่อมาทดแทนภาระการอยู่เวรของครู แต่ในขณะเดียวกัน เรื่องสวัสดิภาพและสวัสดิการของนักการภารโรงกลับไม่เคยถูกหยิบยกมาพูดถึงอย่างจริงจัง”

 

ปชป.รับข้อเรียกร้องภารโรง 4 ภาค จี้แก้ปัญหาจ้างงานไม่เป็นธรรม

 

นางรัดเกล้า กล่าวว่า ปัจจุบันนักการภารโรงจำนวนมากถูกผลักให้อยู่ภายใต้ระบบการจ้างเหมาบริการตามระเบียบกระทรวงการคลัง ถูกจัดจ้างในลักษณะพัสดุ ไม่ได้รับสิทธิประกันสังคมตามมาตรา 33 ทั้งที่ลักษณะงานและความรับผิดชอบเกินกว่าการเป็นแรงงานทั่วไป

“นักการภารโรงทำงานตั้งแต่ตีห้าไปจนถึงหกโมงเย็น โดยไม่ได้รับค่าล่วงเวลา ต้องรับผิดชอบงานที่มีความเสี่ยงต่อชีวิต มีกรณีที่นักการภารโรงประสบอุบัติเหตุไฟฟ้าดูดจนเสียชีวิต หรือพิการจากอุบัติเหตุระหว่างปฏิบัติงาน เช่น ก้อนหินกระเด็นเข้าดวงตาจากการตัดหญ้า ขณะเดียวกัน ในสถานการณ์พื้นที่ชายแดนหรือพื้นที่เสี่ยงความไม่สงบ หลายคนได้รับมอบหมายให้อยู่เฝ้าสถานที่ราชการ ในช่วงที่ประชาชนส่วนใหญ่ต้องอพยพไปอยู่ในพื้นที่ปลอดภัย”

รองหัวหน้าพรรคประชาธิปัตย์ ระบุว่า ชีวิตการทำงานที่เต็มไปด้วยความเสี่ยง แต่กลับขาดการดูแลจากระบบสวัสดิการของรัฐ เป็นเหตุผลสำคัญที่เครือข่ายลูกจ้างนักการภารโรงออกมาเรียกร้องขอความเห็นใจจากสังคม และต้องการเห็นการเปลี่ยนแปลงเชิงนโยบายอย่างเป็นรูปธรรม

“พรรคประชาธิปัตย์รับฟังด้วยความเข้าใจ และเห็นว่าปัญหานี้ไม่ใช่เรื่องเฉพาะกลุ่ม แต่เป็นปัญหาเชิงโครงสร้างของการจ้างงานภาครัฐ ที่ต้องได้รับการแก้ไขอย่างจริงจัง เพื่อคืนศักดิ์ศรี ความปลอดภัย และหลักประกันในชีวิตให้กับผู้ที่ทำงานอยู่แนวหน้าแต่ถูกมองไม่เห็นมาโดยตลอด” นางรัดเกล้า กล่าว