กองทัพเรือแจงกรณีกัมพูชารื้อเขื่อนกันคลื่น ชี้เป็นการแสดงความกังวล ไม่ใช่การยื่นข้อเรียกร้อง

21 ธ.ค. 2568 | 06:35 น.
อัปเดตล่าสุด :21 ธ.ค. 2568 | 06:45 น.

กองทัพเรือแจงกรณีกัมพูชารื้อเขื่อนกันคลื่น ชี้เป็นการแสดงความกังวล ไม่ใช่การยื่นข้อเรียกร้องมิได้มีการ " ข่มขู่ หรือเจรจา อย่างใด" 

KEY

POINTS

  • กองทัพเรือชี้แจงว่าไม่ได้ยื่นข้อเรียกร้องหรือข่มขู่ให้กัมพูชารื้อถอนเขื่อนกันคลื่นตามที่เป็นข่าว
  • การดำเนินการของกองทัพเรือเป็นเพียงการแสดงความกังวลอย่างต่อเนื่องผ่านกลไกความร่วมมือชายแดน เกี่ยวกับผลกระทบด้านสิ่งแวดล้อมและความมั่นคง
  • การรื้อถอนเขื่อนเป็นการตัดสินใจของเอกชนฝ่ายกัมพูชาเอง ซึ่งสอดคล้องกับข้อกังวลที่ฝ่ายไทยเคยหยิบยกขึ้นมาก่อนหน้านี้

 

พลเรือตรี ปารัช รัตนไชยพันธ์ โฆษกกองทัพเรือ ขอชี้แจงว่า ตามที่ปรากฏข่าวในสื่อมวลชน กรณีมีการอ้างว่ากองทัพเรือได้ยื่นข้อเสนอให้ฝ่ายกัมพูชาดำเนินการรื้อถอนเขื่อนกันคลื่นในพื้นที่ชายแดนทางทะเลบริเวณหลักเขตที่ 73 นั้น สำนักงานโฆษกกองทัพเรือขอเรียนชี้แจงว่า ข้อมูลดังกล่าวไม่ตรงกับข้อเท็จจริง

กองทัพเรือ มิได้มีการ " ข่มขู่ หรือเจรจา อย่างใด"  แต่ในระยะเวลาก่อนหน้าที่จะเกิดการปะทะตามแนวชายแดน ทร.ได้มีการเรียกร้องอย่างเป็นทางการให้ฝ่ายกัมพูชาดำเนินการรื้อถอนเขื่อนกันคลื่นดังกล่าว  ซึ่งตลอดระยะเวลาที่ผ่านมา กองทัพเรือได้เฝ้าติดตามสถานการณ์และแสดงความกังวลต่อการก่อสร้างเขื่อนกันคลื่นในพื้นที่ดังกล่าวมาอย่างต่อเนื่องเป็นระยะเวลานาน รวมทั้งได้มีการยื่นหนังสือแสดงความห่วงกังวล ขอให้มีการระงับการดำเนินการและพิจารณาผลกระทบในประเด็นดังกล่าว ตั้งแต่ช่วงเวลาก่อนที่จะเกิดเหตุการณ์ปะทะตามแนวชายแดน

 

แจงเขื่อนกันคลื่น

ทั้งนี้ เนื่องจากการก่อสร้างเขื่อนกันคลื่นดังกล่าว อาจส่งผลกระทบต่อสภาพแวดล้อมทางทะเล การเปลี่ยนแปลงแนวชายฝั่ง ตลอดจนประเด็นด้านความมั่นคงและการบริหารจัดการพื้นที่ชายแดนทางทะเล การแสดงความกังวลดังกล่าว กองทัพเรือได้ดำเนินการผ่าน กลไกความร่วมมือด้านชายแดนที่มีอยู่ตามกรอบทวิภาคี โดยเฉพาะคณะกรรมการชายแดนส่วนภูมิภาค (Regional Border Committee : RBC) มาโดยตลอด ซึ่งฝ่ายกัมพูชารับทราบถึงท่าทีและความห่วงกังวลของฝ่ายไทยในเรื่องนี้เป็นอย่างดี

สำหรับกรณีที่มีรายงานว่า เอกชนเจ้าของเขื่อนกันคลื่นได้ดำเนินการรื้อถอนสิ่งปลูกสร้างดังกล่าวด้วยตนเอง นั้น กองทัพเรือเห็นว่า เป็นความประสงค์และการตัดสินใจของเอกชนฝ่ายกัมพูชาเอง ซึ่งสอดคล้องกับประเด็นความกังวลที่ฝ่ายไทยได้แสดงมาอย่างต่อเนื่องก่อนหน้านี้

ทั้งนี้ การดำเนินการดังกล่าว มิได้เกิดจากคำสั่ง การข่มขู่ หรือข้อเรียกร้องใด ๆ จากกองทัพเรือ และคาดว่าภายหลังจากที่ฝ่ายไทยได้ เข้าดำเนินการเคลียร์พื้นที่ที่ถูกล่วงล้ำตามแนวชายแดนทางบกและทางทะเลจนสามารถควบคุมสถานการณ์และดำเนินการได้เรียบร้อย ส่งผลให้การบริหารจัดการพื้นที่เป็นไปด้วยความชัดเจนมากยิ่งขึ้น ซึ่งเอื้อต่อการแก้ไขประเด็นค้างคาในพื้นที่ด้วยแนวทางที่เหมาะสมและสันติ

กองทัพเรือยังคงยึดมั่นในการใช้ กลไกการเจรจาและความร่วมมือระหว่างประเทศ เพื่อบริหารจัดการประเด็นชายแดนทางทะเลอย่างรอบคอบ สันติ และเคารพซึ่งกันและกัน คำนึงถึงความปลอดภัยของประชาชนพลเรือนของทั้งสองฝ่ายตามหลักมนุษยธรรม พร้อมทั้งคำนึงถึงผลประโยชน์ร่วมของทั้งสองประเทศในระยะยาว