KEY
POINTS
บริษัท สยามแวร์ซานิทารีแวร์ จำกัด หรือ COTTO ผู้นำด้านสุขภัณฑ์และวัสดุตกแต่งพื้นผิวในภูมิภาคอาเซียน จับมือกับ บริษัท เจริญโภคภัณฑ์อาหาร จำกัด (มหาชน) หรือ CPF ลงนามบันทึกข้อตกลงความร่วมมือ (MOU) เพื่อขับเคลื่อนการใช้วัสดุเหลือใช้จากกระบวนการผลิตอุตสาหกรรมอาหาร “เปลือกไข่” สู่การสร้างสรรค์สุขภัณฑ์ที่เป็นมิตรต่อสิ่งแวดล้อม สอดคล้องกับแนวคิดเศรษฐกิจหมุนเวียน (Circular Economy) และเป้าหมาย Net Zero ของทั้งสององค์กร
ความร่วมมือครั้งนี้ถือเป็นการผสานพลังของสองอุตสาหกรรมหลักของประเทศ ได้แก่ อุตสาหกรรมอาหาร และอุตสาหกรรมวัสดุก่อสร้าง เพื่อต่อยอดยกระดับการใช้ทรัพยากรชีวภาพที่เหลือจากการกระบวนการผลิต ให้เกิดประโยชน์ในระดับเชิงพาณิชย์ โดย CPF จะจัดส่งเปลือกไข่จากโรงฟักไข่แก่งคอย อ.แก่งคอย จ.สระบุรี ให้กับ COTTO นำไปใช้ในกระบวนการผลิตสุขภัณฑ์ ถือเป็นอีกก้าวสำคัญในการผลักดันแนวทาง Circular Economy ให้เกิดขึ้นจริงในระบบอุตสาหกรรมไทย
นายทนงชัย อัศวินชัยโชติ กรรมการผู้จัดการ บริษัท สยามซานิทารีแวร์ จำกัด (COTTO) กล่าวว่า “COTTO มุ่งมั่นพัฒนานวัตกรรมเพื่อความยั่งยืน โดยหนึ่งในโครงการที่เราให้ความสำคัญคือ การใช้เปลือกไข่แทนหินปูนในกระบวนการผลิตสีเคลือบสุขภัณฑ์ ซึ่งนอกจากจะช่วยลดการใช้ทรัพยากรธรรมชาติแล้ว ยังช่วยลดการปล่อยคาร์บอนในกระบวนการผลิตได้อย่างมีประสิทธิภาพ เรายินดีอย่างยิ่งที่ CPF ได้เข้ามาเป็นพันธมิตรหลักในการสนับสนุนวัตถุดิบที่เป็น bio/organic waste นับเป็นจุดเริ่มต้นของการสร้างคุณค่าจากวัสดุชีวภาพ ให้กลับมามีบทบาทใหม่ที่เป็นประโยชน์ต่อทั้งผู้บริโภคและสิ่งแวดล้อม”
ขณะเดียวกัน COTTO ยังได้ดำเนินการยื่นจดสิทธิบัตรเรียบร้อยแล้ว สำหรับนวัตกรรมการนำเปลือกไข่มาใช้ในกระบวนการผลิตสีเคลือบสุขภัณฑ์ ซึ่งอยู่ระหว่างกระบวนการตรวจสอบตามขั้นตอน
นายภาณุวัตร เนียมเปรม ผู้อำนวยการใหญ่ ธุรกิจไก่เนื้อเป็ดเนื้อครบวงจร ซีพีเอฟ กล่าวว่า “ซีพีเอฟ มุ่งมั่นดำเนินธุรกิจ ภายใต้แนวคิด Sustainovation หรือนวัตกรรมที่ยั่งยืน มุ่งสู่เป้าหมายลดการปล่อยก๊าซเรือนกระจกสุทธิเป็นศูนย์ (Net Zero) ด้วยการนำแนวทาง Circular Economy หรือเศรษฐกิจหมุนเวียน และ Waste to Value มาใช้ เป็นส่วนหนึ่งในการขับเคลื่อนการดำเนินงาน ซึ่งความร่วมมือกับ COTTO ในครั้งนี้ เป็นการนำเปลือกไข่ที่เหลือจากกระบวนการผลิตจากโรงฟักไข่ ไปใช้ในกระบวนการผลิตสุขภัณฑ์ COTTO ตอกย้ำความเชื่อมโยงคุณค่าภายในห่วงโซ่อุปทาน เพื่อใช้ทรัพยากรให้เกิดประโยชน์สูงสุดและหมุนเวียนกลับมาใช้อย่างครบวงจร นอกจากจะช่วยลดผลกระทบต่อสิ่งแวดล้อมจากแนวทางการฝังกลบแล้ว ยังช่วยลดการปล่อยก๊าซคาร์บอนไดออกไซด์อีกด้วย”
ความร่วมมือระหว่าง COTTO และ CPF ในครั้งนี้ ไม่เพียงแต่เป็นการจับมือของสององค์กรชั้นนำ แต่ยังเป็นการร่วมกันยกระดับแนวคิดเศรษฐกิจหมุนเวียนให้เป็นรูปธรรม เสริมสร้างสมดุลระหว่างการดำเนินธุรกิจ การอนุรักษ์สิ่งแวดล้อม และการพัฒนาที่ยั่งยืนของประเทศ โดยทั้งสององค์กรยังคงเดินหน้าในบทบาทองค์กรผู้นำที่ใส่ใจสิ่งแวดล้อม ด้วยความมุ่งมั่นในการนำนวัตกรรมมาเติมเต็มคุณภาพชีวิตที่ดีอย่างยั่งยืน มุ่งสู่เป้าหมายลดของเสียจากกระบวนการผลิตสู่หลุมฝังกลบเป็นศูนย์ ลดผลกระทบต่อสิ่งแวดล้อม พร้อมทั้งส่งเสริมการใช้พลังงานหมุนเวียน