"สุวิทย์ เมษินทรีย์"สวดรัฐล้มเหลวรับวิกฤติน้ำท่วมใหญ่ภาคใต้

27 พ.ย. 2568 | 10:17 น.
อัปเดตล่าสุด :27 พ.ย. 2568 | 10:45 น.

“สุวิทย์ เมษินทรีย์”ชี้น้ำท่วมไม่ใช่ปัญหาใหญ่ที่สุด การไม่มีรัฐที่พร้อมรับมือ คือวิกฤติที่แท้จริงของไทย ไม่ต้องการคำสัญญาเพิ่มจากนักการเมือง แต่ต้องการรัฐที่ทำงานได้จริง

KEY

POINTS

  • ดร.สุวิทย์ เมษินทรีย์ ชี้ว่า รัฐบาลล้มเหลวในการจัดการวิกฤตน้ำท่วมภาคใต้ โดยมีสาเหตุหลักจากระบบเตือนภัยที่ล่าช้าและไม่มีประสิทธิภาพ ทำให้ประชาชนไม่ได้รับข้อมูลเพื่อเตรียมตัวทัน
  • วิจารณ์โครงสร้างพื้นฐานของเมืองที่ล้าสมัย ไม่สอดคล้องกับสถานการณ์ปัจจุบัน และไม่มีแผนอพยพที่เป็นระบบรองรับเมื่อเกิดภัยพิบัติ
  • ปัญหาที่แท้จริง คือ รัฐบาลไม่เรียนรู้จากบทเรียนในอดีต ขาดการบริหารจัดการในภาวะวิกฤต (Crisis Statecraft) และยังคงแก้ปัญหาแบบเฉพาะหน้าซ้ำแล้วซ้ำเล่า

วันที่ 27 พ.ย. 2568 ดร.สุวิทย์ เมษินทรีย์ อดีตรัฐมนตรีว่าการกระทรวงการอุดมศึกษา วิทยาศาสตร์ วิจัยและนวัตกรรม (อว.) โพสต์เฟซบุ๊กแสดงความเห็นเกี่ยวกับน้ำท่วมใหญ่ในพื้นที่ภาคใต้ ระบุว่า “น้ำท่วมไม่ใช่ปัญหาใหญ่ที่สุด การไม่มีรัฐที่พร้อมรับมือ คือวิกฤติที่แท้จริงของประเทศไทย” 

น้ำท่วมหาดใหญ่ล่าสุด ฝนเกิน 300 มม.ในไม่กี่ชั่วโมง น้ำจากภูเขาไหลทะลักเข้าตัวเมือง หลายย่านจมลึกหลายเมตร ไม่ใช่เพียงภัยธรรมชาติ แต่เป็นกระจกสะท้อนความล้มเหลวเชิงระบบของรัฐไทย

 

ประเทศไทยไม่ได้แพ้ฝน หรือโชคร้าย แต่เราแพ้ รัฐที่ไม่พร้อมรับโลกใหม่ที่เต็มไปด้วยวิกฤตซ้อนวิกฤต 

โลกศตวรรษที่ 21 ไม่ได้ให้โอกาสเราเตือนตัวเองเมื่อเกิดภัยพิเศษอีกต่อไป ทุกวิกฤติจะเป็น “ความปกติใหม่” และรัฐที่ไม่ปรับตัวคือรัฐที่ล้มหายไปก่อนภัยจะมา

1) ระบบเตือนภัยช้า ข้อมูลไม่ถึงมือประชาชน
แม้มีข้อมูลพยากรณ์ล่วงหน้า ประชาชนจำนวนมาก  

• ไม่ได้รับ alert ที่ actionable

• ไม่ได้รับคำสั่งให้อพยพ

• ไม่รู้ว่าน้ำจะมาถึงเมื่อใด

• ไม่รู้ว่าจะหนีอย่างไร

ประเทศที่พร้อมต้องมี multi-channel warning ส่งถึงมือถือทุกเครื่องแบบ real-time แต่ไทยยังพึ่งโพสต์เฟซบุ๊ก

นี่คือ ความล้มเหลวเชิงระบบ ไม่ใช่ฝนผิดปกติ

2) โครงสร้างพื้นฐานล้าสมัย - เมืองศตวรรษที่ 21 แต่ระบบน้ำศตวรรษที่ 20

หาดใหญ่เติบโตอย่างรวดเร็ว แต่โครงสร้างระบายน้ำยังแบบ 30–40 ปีก่อน พื้นที่รับน้ำถูกบุกรุก ฝนหนักผิดปกติกลายเป็นเรื่องปกติ

คำถามไม่ใช่ “ทำไมท่วมอีก?” แต่คือ “ทำไมเราไม่เคยสร้างเมืองให้พร้อมต่อสู้กับวิกฤต?”

3) การอพยพแบบฉุกเฉิน — รัฐไร้ Playbook

ประชาชนต้องขึ้นหลังคา รอเรือช่วย ผู้ป่วยวิกฤติถูกรีบอพยพข้ามจังหวัด

คำถามที่ต้องตอบ:

• ทำไมไม่มีมาตรฐานอพยพเมืองขนาดใหญ่?

• ทำไมศูนย์อพยพตั้งหลังน้ำเข้าบ้านแล้ว?

• ทำไมไม่มีเส้นทางหนีพร้อมปิดถนนอัตโนมัติ?

รัฐที่พร้อมไม่ใช่รัฐที่ไม่ท่วม แต่คือรัฐที่แม้ท่วมก็ไม่เจ็บหนักและไม่สูญเสีย

4) การสื่อสารล้มเหลว - ช้า ไม่ตรงประเด็น ไม่สร้างความเชื่อมั่น

ความจริงในวิกฤตต้องเร็วกว่าการแตกของเขื่อน แต่สิ่งที่เกิดขึ้นคือ

 • แถลงการณ์ช้า

 • ข้อมูลไม่ตรงกัน

 • ผู้นำลงพื้นที่ช้า

 • ไม่มี crisis command 

• ไม่มีข้อมูล real-time

ผล: ความไม่แน่นอนกลายเป็นความกลัว และความกลัวกลายเป็นความสิ้นหวัง

5) รัฐที่ไม่เรียนรู้ -วนลูป 40 ปี “ท่วม–ช่วย–ฟื้น–ลืม”

น้ำท่วมหาดใหญ่เกิดซ้ำในปี 2531, 2543, 2553 แต่ไม่มีการปฏิรูปเชิงระบบ เรายังแก้แบบชั่วคราว เฉพาะหน้า และ หวังโชค

โลกใหม่ไม่ให้ชัยชนะกับผู้หวังโชค โลกใหม่ให้ชัยชนะกับ “ผู้เตรียมพร้อม” เท่านั้น

6) ปัญหาที่แท้จริง: รัฐไทยยังไม่ทำงานแบบ Crisis Statecraft

สิ่งที่ประเทศไทยต้องการไม่ใช่แค่โครงสร้างพื้นฐานใหม่ แต่คือ รัฐชุดใหม่ ที่ทำงานแบบระบบรองรับวิกฤติ:

• One Map — ข้อมูลเดียวทั้งประเทศ

• One Command — ศูนย์บัญชาการเดียว

• One Warning — เตือนภัยทันทีทุกเครื่อง

• One Evacuation Plan

• One Recovery Framework

รัฐไทยยังไม่มีสิ่งนี้

7) หาดใหญ่คือสัญญาณเตือนของอนาคต

ในทศวรรษหน้า ประเทศไทยจะเผชิญ:

• Climate extremes

• ฝนหนักผิดปกติ

• พายุรุนแรง

• น้ำทะเลหนุน

• เมืองขยายและเปราะบางขึ้น

• ระบบสาธารณูปโภคล้าสมัย

• แรงกดดันต่อประชาชนและเศรษฐกิจมหาศาล

คำถามไม่ใช่ “จะท่วมหรือไม่?” แต่คือ “รัฐจะพร้อมรับหรือไม่?” คำตอบวันนี้คือ: ยังไม่พร้อม

บทสรุป

ประเทศไทยไม่ได้ขาดทรัพยากร สิ่งที่ขาดคือ รัฐที่พร้อมทำงานแบบศตวรรษที่ 21

น้ำท่วมไม่ใช่ปัญหาใหญ่ที่สุด สิ่งที่ใหญ่ที่สุดคือ รัฐที่ไม่พร้อมรับมือ

สิ่งที่ต้องทำ:

• สร้างรัฐที่พร้อม รวดเร็ว รอบรู้ รับผิดชอบ

• รัฐที่ทำงานแบบ Crisis Statecraft

• รัฐที่ไม่รอให้คนขึ้นหลังคาก่อนลงพื้นที่

• รัฐที่กล้าปรับระบบ ไม่ใช่กลบปัญหา

“น้ำท่วมหาดใหญ่คือสัญญาณเตือนชัดเจน ประเทศไทยไม่ต้องการคำสัญญาเพิ่มจากนักการเมืองในการเลือกตั้งที่จะถึงนี้ แต่ต้องการ ‘รัฐที่ทำงานได้จริง’”