แรงงาน เฮ! “ตรีนุช” สั่งประกันสังคมจ่ายค่าจ้าง 50% นาน 6 เดือน เยียวยาน้ำท่วมใต้

27 พ.ย. 2568 | 08:53 น.
อัปเดตล่าสุด :27 พ.ย. 2568 | 08:53 น.

“ตรีนุช” รับลูกนายกฯ เคาะด่วน! ประกันสังคมจ่ายค่าจ้าง 50% นาน 6 เดือน เยียวยาแรงงาน 2 แสนราย ครอบคลุมกว่า 1 หมื่น สถานประกอบการ ได้รับผลกระทบน้ำท่วมใต้

KEY

POINTS

  • รัฐมนตรีว่าการกระทรวงแรงงานสั่งการให้สำนักงานประกันสังคมช่วยเหลือผู้ประกันตนที่ได้รับผลกระทบจากอุทกภัยในภาคใต้
  • ผู้ประกันตนจะได้รับเงินชดเชยกรณีว่างงานจากเหตุสุดวิสัย (ภัยธรรมชาติ) ในอัตรา 50% ของค่าจ้างรายวัน
  • มาตรการช่วยเหลือดังกล่าวมีระยะเวลาในการจ่ายเงินเยียวยาเป็นเวลาไม่เกิน 6 เดือน

นางสาวตรีนุช เทียนทอง รัฐมนตรีว่าการกระทรวงแรงงาน แถลงข่าวภายหลังประชุมบูรณาการการช่วยเหลือ เยียวยา และฟื้นฟูผู้ประสบอุทกภัยภาคใต้ร่วมกับนายกรัฐมนตรี รัฐมนตรีว่าการกระทรวงการคลัง และหน่วยงานที่เกี่ยวข้อง ณ กระทรวงการคลัง ว่า นายกรัฐมนตรี ได้สั่งการด่วนหลังเกิดเหตุอุทกภัย ให้เร่งสำรวจความเสียหายและผลกระทบต่อสถานประกอบการและลูกจ้างที่ได้รับผลกระทบ ซึ่งข้อมูลเบื้องต้น พบว่า มีสถานประกอบการกว่า 10,000 แห่ง ได้รับผลกระทบ และลูกจ้างอีกประมาณ 200,000 ราย ซึ่งนายกรัฐมนตรีได้สั่งการให้ดูแลทุกโครงการใดๆ ที่จะสามารถเร่งรัดเยียวยาและดูแลได้อย่างเร็วที่สุด

ในส่วนของกระทรวงแรงงาน การช่วยเหลือในทันทีที่สามารถทำได้ คือ การชดเชยรายได้ของลูกจ้างที่เป็นผู้ประกันตน ในโครงการเพิ่มสิทธิประโยชน์กรณีว่างงาน เหตุสุดวิสัย ภัยธรรมชาติ โดยกองทุนประกันสังคมจะดูแลจ่ายเงิน ค่าจ้างที่ไม่ได้ไปทำงานจำนวน 50% ของค่าจ้างรายวัน ที่ควรจะได้ ในระยะเวลาไม่เกิน 6 เดือน ซึ่งน่าจะเป็นการเยียวยาและบรรเทาความเดือดร้อนไปก่อน หลังจากนั้นก็จะเป็นระยะของการฟื้นฟู ซ่อม สร้าง ความเสียหาย

รมว.แรงงาน กล่าวว่า ในส่วนของผู้ประกันตนที่ต้องได้รับการช่วยเหลือ เยียวยา ได้สั่งการให้สำนักงานประกันสังคมมอบเป็นนโยบายเร่งด่วนให้ประกันสังคมจังหวัดดำเนินการทันที เพราะมีข้อมูลของผู้ประกันตนอยู่แล้ว  และหลังจากนี้ ในระยะของการฟื้นฟู กระทรวงแรงงานมีแผนช่วยเหลือประชาชนที่ได้รับความเดือดร้อน โดยได้มอบหมายให้ กรมพัฒนาฝีมือแรงงาน เตรียมพร้อมดำเนินการ ซ่อม สร้างเพื่อช่วยเหลือฟื้นฟูทั้งบ้านเรือน ยานพาหนะ โดยกระทรวงแรงงานมีศูนย์ซ่อมสร้างในการที่จะดูแลเบื้องต้น หลังจากน้ำลด ตามข้อสั่งการของนายกรัฐมนตรีที่ได้มอบหมายให้กระทรวงแรงงานดำเนินการโดยเร่งด่วนต่อไป