นักวิชาการชี้ ‘น้ำท่วมหาดใหญ่’ ฉุดเศรษฐกิจภาคใต้ไตรมาส 4 ติดลบ

27 พ.ย. 2568 | 08:57 น.
อัปเดตล่าสุด :27 พ.ย. 2568 | 08:57 น.

อนุสรณ์ชี้ ‘น้ำท่วมหาดใหญ่’ เสี่ยงทำให้เศรษฐกิจภาคใต้ติดลบไตรมาส 4 และมีแนวโน้มเสียรายได้จำนวนมากจากการท่องเที่ยว

KEY

POINTS

  • นักวิชาการคาดการณ์ว่าเหตุน้ำท่วมใหญ่ที่หาดใหญ่และภาคใต้จะส่งผลให้เศรษฐกิจในไตรมาสที่ 4 ติดลบ โดยเฉพาะการสูญเสียรายได้จากการท่องเที่ยว และคาดว่าความเสียหายจะรุนแรงกว่าในอดีต
  • ความเสียหายที่เกิดขึ้นสะท้อนความล้มเหลวในการจัดการภัยพิบัติของภาครัฐที่เป็นแบบตั้งรับ ขาดเอกภาพในการสั่งการ และเน้นการเยียวยามากกว่าการป้องกันเชิงรุก
  • มีข้อเสนอให้ปฏิรูปการจัดการภัยพิบัติโดยนำเทคโนโลยีสมัยใหม่ เช่น Data Analytics, AI และข้อมูลดาวเทียม มาใช้ในการวิเคราะห์ คาดการณ์ และวางแผนป้องกันความเสี่ยงล่วงหน้า

รศ. ดร. อนุสรณ์ ธรรมใจ คณบดีคณะเศรษฐศาสตร์ และ ผู้อำนวยการศูนย์วิจัยเศรษฐกิจดิจิทัล การลงทุนและการค้าระหว่างประเทศ (DEIIT) มหาวิทยาลัยหอการค้าไทย เปิดเผยว่า มหาอุทกภัยหาดใหญ่และบางจังหวัดในภาคใต้อาจจะทำให้เศรษฐกิจภาคใต้ติดลบในไตรมาสสี่และมีแนวโน้มสูญเสียรายได้จากการท่องเที่ยวจำนวนมาก ขณะที่ยังไม่สามารถประเมินผลกระทบทางเศรษฐกิจได้อย่างชัดเจน 

อย่างไรก็ตาม เมื่อย้อนกลับไปดู ผลกระทบทางเศรษฐกิจของอุทกภัยหาดใหญ่ในอดีตพบว่า ในปี พ.ศ. 2543 สร้างความเสียหายกว่า 10,000 ล้านบาท ส่วนปี 2553 ความเสียหายประมาณ 20,000 ล้านบาท ครอบคลุมทั้งบ้านเรือน สินทรัพย์ รายได้จากภาคท่องเที่ยว รายได้ของแรงงาน และโครงสร้างพื้นฐาน 

ด้านมหาอุทกภัยในครั้งนี้รุนแรงกว่าในอดีต และมีผู้เสียชีวิตจากความล้มเหลวในการจัดการภัยพิบัติขนาดใหญ่ หาดใหญ่เป็นเมืองท่องเที่ยวสำคัญของภาคใต้โดยเฉพาะนักท่องเที่ยวมาเลเซียและสิงคโปร์ ภาพลักษณ์เสียหายอาจทำให้การฟื้นตัวต้องใช้เวลานาน

นักวิชาการชี้ ‘น้ำท่วมหาดใหญ่’ ฉุดเศรษฐกิจภาคใต้ติดลบ

ความล้มเหลวในการจัดการภัยพิบัติขนาดใหญ่สะท้อนกลไกราชการมีปัญหา การทำงานเป็นแบบตั้งรับและยังคงเป็นเรื่องของการเยียวยาฟื้นฟู บรรเทาความเดือดร้อน มากกว่า การทำงานเชิงรุกและลดความเสี่ยงเชิงระบบ ขณะเดียวกัน เกิดปัญหาเอกภาพในการสั่งการ อำนาจสั่งการทับซ้อนกัน ทำให้เกิดความสับสนซ้ำซ้อนในการแก้ปัญหา การเคลื่อนย้ายทรัพยากรเพื่อแก้ปัญหาวิกฤติไม่มีประสิทธิภาพและไม่เท่าทันต่อสถานการณ์ที่มีอันตรายต่อชีวิต 

ขณะที่เห็นนักการเมืองส่วนใหญ่ไปผัดกับข้าว ลุยน้ำ แจกของออกสื่อ แทนที่จะใช้เวลาและทรัพยากรในพัฒนาระบบในการรับมือกับภัยพิบัติประสานงานเพื่อให้เกิดการแก้ปัญหาโดยภาพรวมได้อย่างมีประสิทธิภาพ การพัฒนาระบบ Digital Terrain Model จะทำให้สามารถพัฒนาแบบจำลองน้ำไหลได้อย่างแม่นยำ สามารถคำนวณมวลกระแสน้ำสะสมและระบุระดับความเสี่ยงของน้ำท่วม

ทั้งนี้ ควรเร่งปฏิรูปกระบวนทัศน์จัดการภัยพิบัติแบบเชิงรุกหลังเผชิญความแปรปรวนของธรรมชาติเป็นความปรกติใหม่จากภาวะโลกร้อน โดยต้องนำ วิทยาการวิเคราะห์ข้อมูล (Data Analytics) และ ปัญญาประดิษฐ์Ai มาคาดการณ์อนาคต แต่การจะดำเนินการเช่นนั้นได้จำเป็นต้องมีการเก็บข้อมูลเชิงพื้นที่ และ ฐานข้อมูลต้องครบถ้วนถูกต้อง บูรณาการระบบข้อมูลทั้งหมดเพื่อสามารถใช้ข้อมูลเพื่อเป็นประโยชน์ต่อการตัดสินใจได้ เป็นการบริหารจัดการขับเคลื่อนด้วยข้อมูล ข้อมูลเหล่านี้ยังสามารถนำมาใช้เพื่อพิจารณาในการลงทุนป้องกันภัยพิบัติได้ตรงเป้าหมายยิ่งขึ้นด้วย 

นอกจากนี้ ควรใช้ประโยชน์จากข้อมูลดาวเทียมและภูมิสารสนเทศจากสำนักงานพัฒนาเทคโนโลยีอวกาศและภูมิสารสนเทศหรือจิสด้าเพื่อป้องกันภัยพิบัติล่วงหน้าได้มากขึ้นจากการที่สามารถประเมินพื้นที่ที่เสี่ยงภัยพิบัติได้ การนำข้อมูลจากจีสด้าที่แสดงข้อมูลระดับลึกของน้ำมาซ้อนทับกับข้อมูลมือถือเพื่อที่ทราบแหล่งที่ตั้งของผู้ประสบภัยที่ต้องได้รับการช่วยเหลือ จะทำให้สามารถเข้าช่วยเหลือได้ตรงเป้าหมายและมีประสิทธิภาพ