อัปเดตสถานการณ์น้ำท่วม 17 จังหวัด ปภ.ระบุเสียชีวิต 11 ราย

10 ต.ค. 2568 | 08:06 น.
อัปเดตล่าสุด :10 ต.ค. 2568 | 08:06 น.

ปภ. อัปเดตสถานการณ์น้ำท่วม 17 จังหวัด เหตุฝนตกหนัก-น้ำล้นตลิ่ง พบเสียชีวิตแล้ว 11 ราย ด้านภาคกลางเขื่อนเจ้าพระยาระบายน้ำเพิ่ม

KEY

POINTS

  • กรมป้องกันและบรรเทาสาธารณภัย (ปภ.) รายงานสถานการณ์อุทกภัยยังคงส่งผลกระทบใน 17 จังหวัด ครอบคลุมพื้นที่ภาคเหนือ ภาคกลาง ภาคตะวันออกเฉียงเหนือ และภาคตะวันออก
  • ยอดผู้เสียชีวิตที่ได้รับการยืนยันมีจำนวนรวม 11 ราย โดยมาจากพื้นที่ภาคกลาง 8 ราย และภาคเหนือ 3 ราย
  • พื้นที่ภาคกลางได้รับผลกระทบหนักที่สุด มีสถานการณ์น้ำท่วมใน 8 จังหวัด และมีจำนวนผู้เสียชีวิตสูงสุด

กรมป้องกันและบรรเทาสาธารณภัย (ปภ.) เปิดเผยว่า ปัจจุบันยังคงมีสถานการณ์อุทกภัยจากฝนตกหนักและน้ำล้นตลิ่งจำนวน 17 จังหวัดในพื้นที่ภาคเหนือ ภาคกลาง ภาคตะวันออกเฉียงเหนือ และภาคตะวันออก โดยในภาคเหนือยังคงมีสถานการณ์ใน 5 จังหวัด ได้แก่ พิษณุโลก เพชรบูรณ์ สุโขทัย พิจิตร และนครสวรรค์ กินพื้นที่ 26 อำเภอ 116 ตำบล 607 หมู่บ้าน บ้านเรือนได้รับผลกระทบ 24,893 ครัวเรือน 84,167 คน 

และมีผู้เสียชีวิต 3 ราย ภาคกลางยังคงมีสถานการณ์ใน 8 จังหวัด ได้แก่ อุทัยธานี ชัยนาท สิงห์บุรี อ่างทอง สุพรรณบุรี พระนครศรีอยุธยา ปทุมธานี และนครปฐม กินพื้นที่ 34 อำเภอ 290 ตำบล 1,591 หมู่บ้าน บ้านเรือนได้รับผลกระทบ 73,907 ครัวเรือน 253,316 คน และมีผู้เสียชีวิต 8 ราย

ส่วนในภาคตะวันออกเฉียงเหนือ ยังคงมีสถานการณ์ในพื้นที่ 3 จังหวัด ได้แก่ ชัยภูมิ อุบลราชธานีและอุดรธานี กินพื้นที่ 17 อำเภอ 72 ตำบล 366 หมู่บ้าน บ้านเรือนได้รับผลกระทบ 7,827 ครัวเรือน 19,169 คน ไม่มีผู้เสียชีวิต ส่วนภาคตะวันออกมีสถานการณ์ใน จ.ฉะเชิงเทรา กินพื้นที่ 1 อำเภอ 10 ตำบล 95 หมู่บ้าน บ้านเรือนได้รับผลกระทบ 1,907 ครัวเรือน 7,056 คน ไม่มีผู้เสียชีวิต

กรมป้องกันและบรรเทาสาธารณภัยยังคงร่วมกับหน่วยงานด้านการพยากรณ์อย่างใกล้ชิด และให้ความช่วยเหลือประชาชนโดยส่งเครื่องจักรกลสาธารณภัยลงพื้นที่เพิ่มเติม เพื่อเสริมกำลังการปฏิบัติงานให้รวดเร็ว โดยเมื่อวันที่ 9 ตุลาคม กรมป้องกันและบรรเทาสาธารณภัยได้รับการประสานจากจังหวัดที่มีสถานการณ์อุทกภัยว่ามีความจำเป็นต้องใช้เครื่องจักรกลและทรัพยากรเข้าช่วยเหลือประชาชนเพิ่มเติม จึงได้สั่งการให้ศูนย์ป้องกันและบรรเทาสาธารณภัยเขตทั่วประเทศ ตรวจสอบและวางแผนการจัดสรรเครื่องจักรกลฯเข้าสนับสนุนการปฏิบัติงานในพื้นที่ที่ได้รับผลกระทบจากอุทกภัยซึ่งขยายเป็นวงกว้างประกอบด้วย

ภาคกลาง ส่วนใหญ่จะเป็นสถานการณ์น้ำเอ่อล้นตลิ่งเข้าท่วมบ้านเรือนประชาชน เนื่องจากเขื่อนเจ้าพระยาเพิ่มการระบายน้ำ ซึ่งศูนย์ป้องกันและบรรเทาสาธารณภัยเขต 1 ปทุมธานี ได้ส่งเครื่องสูบน้ำขับด้วยเครื่องยนต์ดีเซล อัตราการสูบ 28,000 ลิตร/นาที ขนาด 14 นิ้ว จำนวน 1 เครื่อง ช่วยเร่งสูบระบายน้ำบริเวณคลองวัดป่ากลางทุ่ง หมู่ที่ 3 ต.บางขะแยง อ.เมืองฯ จ.ปทุมธานี ลงสู่แม่น้ำเจ้าพระยา ซึ่งได้รับผลกระทบจากน้ำล้นตลิ่งเข้าท่วมพื้นที่ริมตลิ่งและพื้นที่นอกคันกั้นน้ำ

 

ภาคตะวันออกเฉียงเหนือ สถานการณ์โดยรวมระดับน้ำทรงตัวและมีแนวโน้มจะลดลง แต่ยังมีบางพื้นที่ได้รับผลกระทบ โดยเฉพาะที่จังหวัดบึงกาฬ สะพานข้ามห้วยลำบังบาตร ต.บ้านต้อง อ.เชกา ชำรุดเสียหายประชาชนไม่สามารถสัญจรได้เนื่องจากน้ำมีมีน้ำไหลหลาก ศูนย์ป้องกันและบรรเทาสาธารณภัยเขต 7 สกลนคร จึงได้สนับสนุนชุดสะพานถอดประกอบได้ (Bailey) จำนวน 1 ชุด และรถหัวลากจูงพร้อมหางลากบรรทุกเครื่องจักรกล จำนวน 2 คัน รถขุดตักไฮดรอลิกส์ล้อยางกู้ภัย จำนวน 1 คัน รถปฏิบัติการเคลื่อนย้ายผู้ประสบภัย จำนวน 3 คัน รถบรรทุก 6 ล้อ 6 ตัน ช่วงยาว จำนวน 1 คัน

รถยนต์กู้ภัยเคลื่อนที่เร็ว จำนวน 1 คัน รถบรรทุก 10 ล้อ ติดตั้งเครนขนาด 15 ตัน จำนวน 1 คัน รถบรรทุกขนาดเล็ก จำนวน 1 คัน และรถประกอบอาหารพร้อมอุปกรณ์ จำนวน 1 คัน พร้อมเจ้าหน้าที่ชุดปฏิบัติการ ซึ่งขณะนี้อยู่ระหว่างการเตรียมตัวเพื่อเดินทางเข้าพื้นที่ เพื่อสนับสนุนภารกิจติดตั้งสะพานเบลีย์ให้ประชาชนใช้สัญจรชั่วคราวแทนสะพานข้ามห้วยลำบังบาตร

ภาคเหนือ ระดับน้ำลดลงเกือบทุกพื้นที่ แต่ ปภ. ยังคงเครื่องจักรกลสาธารณภัยเดิมที่อยู่ในพื้นที่ให้ปฏิบัติงานอย่างต่อเนื่อง โดยเฉพาะที่จังหวัดพิจิตร ที่ผนังกั้นน้ำแตกและมวลน้ำไหลทะลักเข้าท่วมบ้านเรือนประชาชน ศูนย์ป้องกันและบรรเทาสาธารณภัยเขต 7 กำแพงเพชร ยังคงเดินหน้าสูบระบายน้ำในพื้นที่ ด้วยเครื่องสูบน้ำขนาด 14 นิ้ว จำนวน 2 เครื่อง และเครื่องสูบน้ำบรรเทาอุทกภัย จำนวน 2 เครื่อง เพื่อระบายน้ำออกจากเขตเทศบาลเมืองตะพานหิน อ.ตะพานหิน พร้อมทั้งช่วยเหลือด้านอุปโภคบริโภค ในการผลิตและบรรจุน้ำดื่มกว่า 4,992 ขวด พร้อมแจกจ่ายอาหารและน้ำดื่มสะอาดให้ประชาชน ที่มาพัก ณ ศูนย์พักพิงชั่วคราวโรงเรียนบ้านปากทาง ต.ในเมือง อ.เมืองฯ และพื้นที่ใกล้เคียง

โดยในช่วงสุดสัปดาห์นี้เป็นช่วงของวันหยุดยาว ประชาชนส่วนมากอาจวางแผนเดินทางไปเที่ยวพื้นที่ต่าง ๆ หากจำเป็นต้องขับผ่านเส้นทางหรือพื้นที่ที่มีน้ำท่วมขัง ขอให้เพิ่มความระมัดระวังในการขับขี่ โดยเฉพาะระมัดระวังอันตรายจากถนนลื่นและถนนที่มีดินโคลนถล่ม จึงขอให้สังเกตป้ายเตือนและปฏิบัติตามคำแนะนำของทางราชการ เพื่อไม่ให้เกิดอันตรายแก่บุคคลและทรัพย์สิน