นายกฯ นัดถกบอร์ดบริหารภัยพิบัติพรุ่งนี้ มุ่งช่วยผู้ประสบอุทกภัยเป็นระบบ

05 ต.ค. 2568 | 02:45 น.
อัปเดตล่าสุด :05 ต.ค. 2568 | 02:45 น.

นายกอนุทินเตรียมนัดถกบอร์ดบริหารภัยพิบัติพรุ่งนี้ เดินหน้าช่วยผู้ประสบอุทกภัยอย่างเป็นระบบ ทั้งเตรียมพร้อม ติดตามเฝ้าระวังจนถึงฟื้นฟู

KEY

POINTS

  • นายกรัฐมนตรีเตรียมเป็นประธานการประชุมคณะกรรมการบริหารภัยพิบัติ (คอภ.) นัดแรกในวันพรุ่งนี้ เพื่อวางแนวทางการช่วยเหลือผู้ประสบอุทกภัยให้เป็นระบบและมีเอกภาพ
  • การจัดตั้งกลไกดังกล่าวมีเป้าหมายเพื่อแก้ปัญหาความช่วยเหลือที่ล่าช้าและไม่ทั่วถึงในอดีต โดยจะบริหารจัดการภัยพิบัติตั้งแต่การป้องกัน การช่วยเหลือ ไปจนถึงการฟื้นฟู
  • นายกฯ ได้สั่งการให้จัดทำมาตรการเยียวยาถาวรสำหรับประชาชนที่ใช้ที่ดินเป็นพื้นที่รับน้ำ และเน้นย้ำให้การช่วยเหลือต้องรวดเร็ว โปร่งใส และทั่วถึง

นายอนุทิน ชาญวีรกูล นายกรัฐมนตรีและรัฐมนตรีว่าการกระทรวงมหาดไทยจะเป็นประธานการประชุมคณะกรรมการอำนวยการและบริหารสถานการณ์ภัยพิบัติทางธรรมชาติ (คอภ.) นัดแรกในวันพรุ่งนี้ (6 ต.ค.) หลังมีคำสั่งสำนักนายกรัฐมนตรีที่ 311/2568 แต่งตั้งเมื่อวันที่ 30 ก.ย.68 เพื่อกำกับ ติดตาม และบูรณาการการช่วยเหลือเยียวยาผู้ประสบภัยอย่างเป็นระบบ

สำหรับการตั้ง คอภ. และศูนย์ปฏิบัติการช่วยเหลือผู้ประสบภัยพิบัติทางธรรมชาติ (ศชภ.) มีจุดเริ่มต้นจากการที่นายกรัฐมนตรีได้ลงพื้นที่ อ.บางบาล จ.พระนครศรีอยุธยา เมื่อวันที่ 27 ก.ย.68 เพื่อตรวจสถานการณ์น้ำท่วมด้วยตนเอง

และพบว่าประชาชนประสบปัญหาซ้ำซากทุกปี การช่วยเหลือที่ผ่านมายังไม่ครอบคลุมหรือทันต่อความเดือดร้อน จึงสั่งให้จัดตั้งกลไกกลางที่ทำงานแบบเบ็ดเสร็จ เพื่อให้การเยียวยามีความรวดเร็ว เป็นเอกภาพ และตอบโจทย์ประชาชนอย่างแท้จริง

โดย คอภ.จะมีนายกรัฐมนตรีเป็นประธาน ทำหน้าที่อำนวยการและบริหารจัดการภัยพิบัติทั้งระบบ ตั้งแต่การเตรียมพร้อม ติดตามเฝ้าระวัง การป้องกัน การช่วยเหลือในระหว่างเกิดเหตุ ไปจนถึงการฟื้นฟูหลังสิ้นสุดเหตุการณ์

 อีกทั้งยังมีอำนาจสั่งการหน่วยงานราชการ รัฐวิสาหกิจ และองค์กรที่เกี่ยวข้องให้บูรณาการทำงานร่วมกัน รวมถึงสามารถแต่งตั้งคณะทำงานหรือผู้เชี่ยวชาญเฉพาะด้านมาสนับสนุนได้ตามความจำเป็น

ขณะที่ ศชภ.จะมีนายโสภณ ซารัมย์ รองนายกรัฐมนตรี เป็นผู้อำนวยการ ทำหน้าที่บัญชาการกลางและประสานงานทุกภาคส่วน ทั้งหน่วยงานรัฐ เอกชน และท้องถิ่น เพื่อให้ความช่วยเหลือผู้ประสบภัยครบถ้วน ตั้งแต่การเคลื่อนย้ายประชาชน การดูแลความปลอดภัยชีวิตและทรัพย์สิน การจัดหาอาหาร น้ำดื่ม เครื่องใช้จำเป็น ตลอดจนการวางระบบที่พักอาศัยชั่วคราวที่เพียงพอและทั่วถึง

โดยนายกรัฐมนตรีได้มอบหมายให้ ศชภ.จัดทำมาตรการถาวรช่วยเหลือประชาชนที่เสียสละพื้นที่ทำกินหรือที่ดินกรรมสิทธิ์เพื่อใช้เป็นพื้นที่รับน้ำในฤดูน้ำหลากทุกปี โดยกำหนดหลักเกณฑ์การเยียวยาที่ชัดเจนและต่อเนื่อง ลดปัญหาการต้องยื่นเรื่องขอเป็นรายกรณีเหมือนที่ผ่านมา ถือเป็นก้าวสำคัญในการแก้ปัญหาน้ำท่วมซ้ำซากอย่างยั่งยืน

อย่างไรก็ดี นายกรัฐมนตรี เน้นย้ำว่า การช่วยเหลือผู้ประสบภัยต้องรวดเร็ว โปร่งใส และทั่วถึง กำหนดให้กรมป้องกันและบรรเทาสาธารณภัย (ปภ.) ร่วมกับหน่วยงานท้องถิ่นเร่งตรวจสอบและขึ้นทะเบียนผู้ประสบภัยให้ครบถ้วน เพื่อให้การจ่ายค่าครองชีพและการเยียวยาเข้าถึงจริง ไม่ตกหล่น พร้อมให้ทุกหน่วยงานรัฐส่งมาตรการช่วยเหลือเข้าสู่ ศชภ. เพื่อรวบรวมและกลั่นกรองก่อนเสนอ ครม.ต่อไป

นายกรัฐมนตรีได้ให้นโยบายกับทุกส่วนราชการว่า การช่วยเหลือประชาชนในยามเดือดร้อนคือภารกิจสำคัญสูงสุดของรัฐบาล โดยหลังการลงพื้นที่เมื่อวันที่ 27 ก.ย.68 ด้วยตนเองแล้ว ยังได้มอบหมายรัฐมนตรีติดตามสถานการณ์ในพื้นที่ต่าง ๆ รับฟังปัญหาโดยตรง และกำชับ ปภ. ดูแลประชาชนใกล้ชิด พร้อมรายงานข้อมูลมายังนายกรัฐมนตรีอย่างต่อเนื่อง เพื่อให้มาตรการเยียวยาเป็นไปอย่างมีประสิทธิภาพและทันต่อสถานการณ์