กนอ.ทุ่ม 1.8 พันล้านป้องกันน้ำท่วม 4 นิคมฯพื้นที่เฝ้าระวังพิเศษ

18 ก.ย. 2568 | 04:41 น.
อัปเดตล่าสุด :18 ก.ย. 2568 | 04:41 น.

กนอ.ทุ่เงินงบประมาณกว่า 1.8 พันล้านบาทป้องกันน้ำท่วม 4 นิคมอุตสาหกรรมพื้นที่เฝ้าระวังพิเศษจ.พระนครศรีอยุธยา และสมุทรปราการ

KEY

POINTS

  • กนอ. ใช้งบประมาณกว่า 1.8 พันล้านบาท เพื่อสร้างและเสริมความแข็งแกร่งของระบบป้องกันน้ำท่วม
  • โครงการครอบคลุม 4 นิคมอุตสาหกรรมในพื้นที่เฝ้าระวังพิเศษ ได้แก่ นิคมฯ นครหลวง, บางปะอิน, บ้านหว้า (จ.อยุธยา) และนิคมฯ บางปู (จ.สมุทรปราการ)
  • แนวป้องกันที่สร้างขึ้นถูกออกแบบให้สูงกว่าระดับน้ำท่วมสูงสุดในปี 2554 เพื่อสร้างความเชื่อมั่นให้กับผู้ประกอบการ

นายสุเมธ ตั้งประเสริฐ ผู้ว่าการการนิคมอุตสาหกรรมแห่งประเทศไทย (กนอ.) เปิดเผยถึงสถานการณ์น้ำและมาตรการป้องกันน้ำท่วมในนิคมอุตสาหกรรม 4 แห่งที่เป็นพื้นที่เฝ้าระวัง ได้แก่ นิคมอุตสาหกรรมนครหลวง, นิคมอุตสาหกรรมบางปะอิน, นิคมอุตสาหกรรมบ้านหว้า  ในพื้นที่จังหวัดพระนครศรีอยุธยา และนิคมอุตสาหกรรมบางปู จังหวัดสมุทรปราการ โดยยืนยันว่า ทุกแห่งมีความพร้อมรับมือสูงสุด เพื่อสร้างความมั่นใจให้กับผู้ประกอบการ 

ทั้งนี้ แม้สถานการณ์น้ำในเดือนกันยายน 2568 จะยังอยู่ในภาวะปกติ แต่ กนอ. ยังคงเฝ้าระวังอย่างเข้มงวด โดยเฉพาะในพื้นที่ริมแม่น้ำและเส้นทางน้ำหลาก ประสบการณ์จากปี 2567 ที่แม้หลายพื้นที่จะประสบภัย แต่นิคมอุตสาหกรรมยังคงปลอดภัย

นายสุเมธ กล่าวต่อไปอีกถึงความคืบหน้าของระบบป้องกันน้ำท่วมในแต่ละพื้นที่ ซึ่งลงทุนไปแล้วรวมกว่า 1,857 ล้านบาท  ทั้งที่ นิคมอุตสาหกรรมนครหลวง (อยุธยา) สถานการณ์ปกติ มีเขื่อนป้องกันความยาว 5.5 กม. สูง 8.15 เมตร จากระดับน้ำทะเลปานกลาง (รทก.) ซึ่งสูงกว่าระดับน้ำท่วมสูงสุดในปี 2554 (7.54 เมตร รทก.)

นิคมอุตสาหกรรมบางปะอิน (อยุธยา)  สถานการณ์ปกติ มีระบบป้องกันที่ระดับความสูง +6.00 เมตร จากระดับน้ำทะเลปานกลาง (รทก.) . สูงกว่าระดับน้ำท่วมปี 2554 (4.28 เมตร รทก.) อย่างชัดเจน

กนอ.ทุ่ม 1.8 พันล้านป้องกันน้ำท่วม 4 นิคมฯพื้นที่เฝ้าระวังพิเศษ

นิคมอุตสาหกรรมบ้านหว้า (อยุธยา) สถานการณ์ปกติ มีแนวป้องกันน้ำท่วมยาว 11 กม. ที่ระดับความสูง +5.40 เมตร จากระดับน้ำทะเลปานกลาง (รทก.) ซึ่งสูงกว่าระดับน้ำท่วมในปี 2554 (4.90 เมตร รทก.)

นิคมอุตสาหกรรมบางปู (สมุทรปราการ) สถานการณ์ปกติ ปัจจุบันก่อสร้างแล้วเสร็จ 53% มีแผนดำเนินให้แล้วเสร็จภายในเดือนเมษายน 2569 โดยจะสามารถสูบระบายน้ำได้160,000ลูกบาศก์ต่อชั่วโมง

สำหรับแผนการดำเนินงานนั้น ไม่ได้มีแค่โครงสร้าง แต่ครอบคลุม 4 ด้านสำคัญ ประกอบด้วย 

  • ด้านโครงสร้าง การบำรุงรักษาและเสริมความแข็งแกร่งของกำแพงป้องกันอย่างสม่ำเสมอ 
  • ด้านเครื่องจักร ที่มีการเตรียมความพร้อมเครื่องสูบน้ำกำลังสูงและระบบสำรองให้ใช้งานได้ทันที 
  • ด้านการบูรณาการ โดยการทำงานร่วมกับกรมชลประทานและหน่วยงานที่เกี่ยวข้อง เพื่อติดตามข้อมูลน้ำแบบเรียลไทม์ 
  • ด้านการเตรียมพร้อม มีการซ้อมแผนเผชิญเหตุฉุกเฉินร่วมกับโรงงาน และมีระบบสื่อสารแจ้งเตือนภัยที่มีประสิทธิภาพ