เอกชนมองรัฐบาล “อนุทิน” เป็นการเมืองยุคใหม่ ช่วยสร้างความเชื่อมั่น

21 ก.ย. 2568 | 05:00 น.

เอกชนมั่นใจเศรษฐกิจไทยเดินหน้าต่อได้ด้วยตัวเอง ชี้โฉมหน้ารัฐบาล ”อนุทิน“ มีความชัดเจน ช่วยเสริมสร้างความเชื่อมั่น และเป็นที่แนวทางการเมืองยุคใหม่ได้แม้ในระยะสั้น หวั่นเพียงเรื่องนโยบายจำเป็นต้องมีความต่อเนื่อง

KEY

POINTS

  • ภาคเอกชนแสดงความเชื่อมั่นต่อรัฐบาลชุดใหม่ที่มีนายอนุทินเป็นผู้นำ โดยมองว่ามีแนวทางการบริหารที่ดีและทีมเศรษฐกิจที่ชัดเจน สามารถผลักดันประเทศไปข้างหน้าได้
  • รัฐบาลได้รับการชื่นชมในการสานต่อนโยบายที่ดีจากรัฐบาลชุดก่อนโดยไม่มีอคติ เช่น โครงการคนละครึ่ง ซึ่งสะท้อนภาพการเมืองยุคใหม่
  • เอกชนคาดหวังมาตรการกระตุ้นเศรษฐกิจในระยะสั้นและกลาง พร้อมเสนอให้รัฐบาลสนับสนุนนโยบายด้านอาหารอนาคต (Future Food) เพื่อสร้างการเติบโต

นายวิศิษฐ์ ลิ้มลือชา รองประธานกรรมการหอการค้าไทย และนายกสมาคมการค้าอาหารอนาคตไทย เปิดเผย “ฐานเศรษฐกิจ” ว่า ประเมินในเบื้องต้นกับรัฐบาลชุดใหม่ นำโดยนายอนุทิน ชาญวีรกูล นายกรัฐมนตรีไทย ถือว่ามีแนวโน้มการบริหารที่ค่อนข้างดี น่าจะผลักดันประเทศไทยให้เดินหน้าต่อได้ แม้จะเป็นการชั่วคราวภายใต้ช่วงเวลาตามกำหนดก็ตาม

นโยบายต่างๆ ที่รัฐบาลได้ประกาศออกมาล้วนมีแนวทางชัดเจน โดยเฉพาะทีมพัฒนาเศรษฐกิจ สามารถคลายกังวลและสร้างความมั่นใจให้ภาคเอกชนระดับหนึ่ง รวมถึงมาตรการกระตุ้นเศรษฐกิจจากโครงการต่างๆ ด้วย

“หากมองถึงแผนการทำงานของรัฐบาล น่าจะมีมาตรการกระตุ้นเรื่องต่างๆ ในระยะสั้น ต่อเนื่อเป็นแผนในระยะกลาง ไม่สามารถคาดหวังในระยะยาวได้ แน่นอนว่าที่น่าชื่นชมคือ การหยิบโครงการจากรัฐบาลชุดก่อนๆ ที่เคยทำแล้วเห็นผลดีมาปัดฝุ่นแล้วสานต่อ โดยไม่มีอคติว่าเป็นผลงานของใคร เช่น โครงการคนละครึ่ง ถือเป็นแนวทางที่เป็นตัวอย่างให้กับการเมืองยุคใหม่ได้“

นายวิศิษฐ์ กล่าวว่า ขณะที่ความคิดเห็นส่วนตัวในฐานะผู้ประกอบการด้านธุรกิจอาหาร ก็อยากให้รัฐบาล เดินหน้าต่อในเรื่อง Future Food ซึ่งจะเป็นนโยบายที่สอดคล้องกับแผนการพัฒนาประเทศในอนาคต โดยเฉพาะการก้าวเข้าสู่สังคมของผู้สูงอายุ ซึ่งจะช่วงสร้างฐานการบริโภค สร้างการรับรู้ของผู้บริโภคทั้งในประเทศและต่างประเทศได้

นายเขม หวั่งหลี กรรมการผู้จัดการ บริษัท เอสเอ็มเอส คอร์ปอเรชั่น จำกัด หรือ SMS เปิดเผยว่า หากพูดถึงโฉมหน้าทีมรัฐบาลชุดใหม่ ต้องยอมรับว่ามีกรอบการทำงานที่ค่อนข้างสั้น อาจไม่เห็นความชัดเจนอะไรมากนัก โดยเฉพาะการแก้วิกฤตในเรื่องใหญ่ แต่เชื่อว่าการจะขับเคลื่อนประเทศหรือขับเคลื่อนเรื่องเศรษฐกิจจะสามารถเดินหน้าไปได้อยู่แล้ว

“ต้องบอกว่าสถานการณ์เรื่องการเมืองไทยปรับเปลี่ยนแบบนี้มาตลอด ซึ่งส่วนใหญ่ภาคเอกชนก็ขับเคลื่อนธุรกิจด้วยตัวเองมาตลอดเช่นกัน โดยเจรจาธุรกิจเองเป็นส่วนใหญ่ แต่ถ้ามีรัฐบาลมาสนับสนุนก็จะช่วยให้เดินได้เร็วขึ้น เช่น การค้าการส่งออก การโปรโมทต่างๆ เป็นต้น”

อย่างไรก็ตาม ในโลกของธุรกิจ ผู้ประกอบการยังคงดำเนินธุรกิจอย่างต่อเนื่องไม่ว่ารัฐบาลจะเป็นอย่างไร ซึ่งการเปลี่ยนรัฐบาลมักส่งผลกระทบต่อความเชื่อมั่นในมุมมองของต่างชาติมากกว่า เหมือนการเปลี่ยนหัวหน้าห้อง นักลงทุนหรือคู่ค้าต่างชาติอาจชะลอดูทิศทางของหัวหน้าห้อง แต่ถึงกระนั้นก็เชื่อว่าทิศทางของประเทศไทยภายในสิ้นปีนี้ไปจนถึงปีหน้าจะดี