KEY
POINTS
นายมงคล จุลทัศน์ ประธานอาวุโสหอการค้าจังหวัดอุบลราชธานี เปิดเผย “ฐานเศรษฐกิจ” ว่า หลังจากประเทศไทยได้นายกรัฐมนตรีคนใหม่ ในจังหวัดอุบลราชธานีทางฝังภาคธุรกิจและหอการค้ายังไม่ได้พูดคุยกันถึงเรื่องนี้มากนัก เพราะพึ่งผ่ามาได้เพียงไม่กี่วัน แต่หากมองในมุนส่วนตัวเกี่ยวกับปัญหาด้านความมั่นคงชายแดนไทย-กัมพูชา ถือว่ามีผลตอบรับที่ดีในเชิงบวก
โดยผู้นำกัมพูชาส่งหนังสือแสดงความยินดีถึง "คุณอนุทิน ชาญวีรกูล" ถือเป็นสัญญาณของความผ่อนคลายสถานการณ์ในระดับหนึ่ง แม้สถานการณ์ชายแดนยังคงคาดการณ์ทิศทางได้ยาก เพราะต่างฝ่ายต่างเตรียมพร้อมเสริมกำลังรับมือตลอดแนวชายแดน ไม่สามารถประมาทได้ โออกาสที่จะเกิดความรุนแรงอในพื้นที่ยังมีอยู่
"มองในพื้นที่จังหวัดอุบลราชธานี ในฐานะภาคเอกชนจะเห็นได้ว่าการเปลี่ยนรัฐบาลใหม่ ส่งผล 2 ด้าน คือ 1. ความรู้สึกของไทยและกัมพูชาที่ต้องเผชิญหน้ากันผ่อนคลายลง 2. บทบาทของผู้บัญชาการทหาร ไม่ไดโฟกัสที่การรบอย่างเดียว แต่สามารถออกสื่อส่งเสริมเยาวชนให้รักชาติมากขึ้นได้ ซึ่งการทำงานของรัฐบาลใหม่ภายในระยะเวลา 4 เดือนนี้ จำเป็นต้องเร่งสร้างผลงานให้เป็นที่ประจักษ์ เพราะเป็นสัญญาที่ให้ไว้กับประชาชนในการเข้ามาบริหารประเทศ"
นายมงคล กล่าวว่า เรื่องเร่งด่วนก็คงเป็นการกระตุ้นเศรษฐกิจ ภายใน 4 เดือนของรัฐบาลชุดนี้ โครงการ "คนละครึ่ง" ถือเป็นโครงการที่ดีและเห็นด้วยหากนำกลับมาปัดฝุ่นใช้อีกครั้ง เพราะสามารถกระตุ้นให้ภาคประชาชนร่วมกันใช้จ่ายได้มากขึ้น ทำให้เม็ดเงินหมุนเวียนในระบบเศรษฐกิจมากกว่าโครงการที่รัฐให้เงินเปล่า
อย่างไรก็ตาม ที่ผ่านมากระแสสังคมค่อนข้างไม่พอใจในรัฐบาล ดังนั้น ตอนนี้อาจนับได้ว่าเป็นช่วงที่รัฐบาลใหม่จะสร้างความนิยมได้ ด้วยการสร้างผลงานให้มีความชัดเจนให้มากที่สุด โดยไม่ยึดติดกับสีทางการเมือง พร้อมร่วมมือกับทุกภาคส่วน บูรณาการการเมืองระดับประเทศ การเมืองท้องถิ่น ภาคประชาชน และภาคเอกชนเข้าด้วยกัน แน่นอนว่าจะส่งผลต่อการเลือกตั้งในอนาคตด้วย
อย่างไรก็ตาม การเลือกตั้งจะเป็นปัจจัยหนึ่งที่นำมาซึ่งการเปลี่ยนแปลง ซึ่งชาวบ้านในภาคอีสานให้ความสำคัญกับการเลือกตั้งและการเมืองอย่างมาก และคาดหวังกับการเปลี่ยนแปลงตลอดจนแผนงานที่จะที่จะช่วยยกระดับประชาชนได้ โดยเฉพาะเรื่องเศรษฐกิจและปากท้องของประชาชน