หอการค้าอุบลฯ มองสัมพันธ์ชายแดนไทย-กัมพูชา ติดลบ สถานการณ์ยังต้องเฝ้าระวัง

10 ส.ค. 2568 | 01:16 น.
อัปเดตล่าสุด :10 ส.ค. 2568 | 16:31 น.

“นายมงคล จุลทัศน์” ประธานอาวุโสหอการค้าจังหวัดอุบลราชธานี มองสัมพันธ์ชายแดนอีสานใต้ติดลบ ชี้สถานการณ์ยังไม่แน่นอน กระแสชาตินิยมเดือด อาจต้องใช้เวลาฟื้นความไว้วางใจนาน 10-15 ปี

นายมงคล จุลทัศน์ ประธานอาวุโสหอการค้าจังหวัดอุบลราชธานี เปิดเผย “ฐานเศรษฐกิจ” ว่า สถานการณ์ของไทย-กัมพูชา หลังจากรัฐบาลร่วมประชุมเจรจาหยุดยิงหรือหยุดปะทะ ในตอนนี้ยังไม่มีความแน่นอน ต้องประเมินติดตามเหตุการณ์ที่จะเกิดขึ้นอย่างต่อเนื่อง ว่าท่าทีของกัมพูชาจะเป็นอย่างไร

เพราะตอนนี้ข้อมูลหลายอย่างระหว่างไทยและกัมพูชามีความเห็นไม่ตรงกัน โดยเฉพาะข้อเท็จจริงซึ่งถือว่ามีความซับซ้อนอยู่พอสมควร

สำหรับพื้นที่ จ.อุบลราชธานี ความสัมพันธ์ระดับชาวบ้านและพ่อค้าแม่ค้าบริเวณพื้นที่ค้าชายแดนถือว่ามีน้อย เมื่อเหตุการณ์ถูกจำกัดและปิดด่าน 100% ผนวกกับกระแสชาตินิยมจึงส่งต่อความสัมพันธ์เป็นอย่างมาก อาจเรียกได้ว่าความไว้วางใจหายไปและกลายเป็นปรปักษ์กันโดยสิ้นเชิง ซึ่งอย่างน้อยต้องใช้เวลา 10-15 ปี จึงจะฟื้นความสัมพันธ์ได้

“แต่เดิมพื้นที่ชายแดนไทย-กัมพูชา ในเขต จ.อุบลราชธานี เป็นเขตอุทยาน ชาวบ้านก็ไม่ค่อยไปมาหาสู่กัน การค้าขายหรือมูลค่าทางเศรษฐกิจระหว่างกันก็มีน้อยมาก พอมาตอนนี้ต่างฝ่ายต่างไม่มีความเป็นมิตรกันแล้ว ยิ่งมีโดรนสอดแนมกระจายไปทั่วชาวบ้านยิ่งวิตกกังวลไม่วางใจขึ้นไปอีก ฉะนั้นหากมองในภาพรวมของพื้นที่อีสานใต้การฟื้นความสัมพันธ์อาจต้องใช้เวลานานพอสมควร”

นายมงคล กล่าวว่า เหตุการณ์ที่เกิดขึ้นถือเป็นภัยสงคราม ไม่อาจจบลงและสงบได้อย่างแท้จริงในช่วงระยะเวลาสั้นๆ หลายคนยังกังวลว่าผลกระทบระยะยาวจะตามมาอีกอย่างต่อเนื่อง โดยเฉพาะผลกระทบทางเศรษฐกิจที่เริ่มชะลอตัว และไม่ใช่เกิดขึ้นในเขตชายแดน จ.หวัดอุบลราชธานีเท่านั้น แต่ลุกลามทั้งระบบในพื้นที่จังหวัดและระดับภูมิภาค

การจับจ่ายใช้สอยในชีวิตประจำวันของประชาชนเริ่มชะลอตัว ลูกค้าธนาคารก็กำลังประสบปัญหาด้านการเงิน ขอพักชำระหนี้ไปก่อนเพราะต้องเตรียมเงินสดไว้สำหรับใช้ในชีวิตประจำวันมากกว่า ซึ่งการดำเนินชีวิตอาจจะไม่เหมือนเดิมแล้ว