นางสาวพูลทรัพย์ เทพนคร ประธานหอการค้าจังหวัดบุรีรัมย์ เปิดเผย “ฐานเศรษฐกิจ” ว่า จากการปะทะกันระหว่างไทย-กัมพูชา ใสพื้นที่ชายแดนจังหวัดบุรีรัมย์ ล่าสุดทุกหน่วยงานได้เร่งอพยพประชาชนที่อาศัยอยู่ใกล้ชายแดนแล้ว โดยเฉพาะในพื้นที่อำเภอบ้านกรวด ตำบลสายตะกู เข้ามายังตัวจังหวัด เนื่องจากสถานการณ์การสู้รบที่เกิดขึ้นเกิดกว่าที่คาดการณ์ไว้ แต่หน่วยงานทั้งจากภาครัฐและภาคเอกชนก็เตรียมการล่วงหน้าเป็นอย่างดี มานานกว่า 1-2 เดือน ทำให้การอพยพมีความชัดเจน เป็นไปอย่างมีระบบ แม้ว่าประชาชนจะตื่นตระหนก ก็ยังมีความอุ่นใจในความพร้อมของทุกหน่วยงานในจังหวัด ซึ่งตอนนี้มีผู้อพยพเข้ามาอย่างต่อเนื่อง
โดยบทบาทของภาคเอกชนอย่างหอการค้าจังหวัด สภาอุตสาหกรรมจังหวัดบุรีรัมย์ และกาชาดจังหวัด ได้รับมอบหมายให้ดูแลเรื่องโรงครัว เรื่องอาหาร ตลอดจนความพร้อมรับผู้อพยพในทุกเรื่อง ซึ่งสามารถดำเนินการได้ทันทีเมื่อเกิดเหตุการณ์ ขณะเดียวกันผู้ประกอบการก็ได้สต็อกสินค้าและเสบียงไว้พร้อมเช่นกัน เพื่อไม่ให้เกิดการขาดแคลน
"เดิมทีหลายฝ่ายไม่คาดการณ์ว่าจะหนักขนาดนี้ จนถึงกับต้องอพยพจริงจัง ซึ่งเหตุการณ์ปะทะกันระหว่างไทยกับกัมพูชาไม่ใช่เพิ่งเกิดขึ้นครั้งแรก แต่ไม่คาดคิดว่าครั้งนี้จะหนักกว่าทุกครั้งที่ผ่านมา ทำให้ประชาชนส่วนหนึ่งตื่นตระหนกพอสมควร โชคดีที่เราเตรียมศูนย์อพยพไว้แล้ว"
จังหวัดบุรีรัมย์เตรียมศูนย์อพยพไว้ทั้งหมด 3 แห่ง จุดหลักที่ 1 ได้แก่ สนามช้างช้างอินเตอร์เนชั่นแนลเซอร์กิต 2.องค์การบริหารส่วนจังหวัดบุรีรัมย์(อบจ.) และ 3. มณฑลทหารบกที่ 26 (มทบ.26)
โดยภาคเอกชนได้ประสานงานอย่างใกล้ชิดกับทหารอย่างต่อเนื่อง เพื่อทราบความเคลื่อนไหวและมีการเตรียมการเป็นระยะ คาดการณ์ว่าจำนวนผู้อพยพที่เข้ามาแล้วปัจจุบันทีประมาษ 500-1,000 คน
นางสาวพูลทรัพย์ กล่าวว่า สถานการณ์ยังคงตึงเครียดและยังตอบไม่ได้ว่าจะรุนแรงขึ้น ชะลอตัว หรือผ่อนคลานลงภายในคืนนี้ แต่โดยภาพรวมยังไม่มีเหตุร้ายอรงลุกลามมาถึงตัวเมือง ซึ่งงคงต้องการการติดตามอย่างใกล้ชิด รับชาวบ้าสผู้อพยพเข้ามาอย่างต่อเนื่อง