ปัญหาชายแดนไทย-กัมพูชา "สุริยะ" จับมือ 7 สายการบิน รับคนไทยกลับประเทศ

24 ก.ค. 2568 | 11:50 น.
อัปเดตล่าสุด :24 ก.ค. 2568 | 11:56 น.

“สุริยะ” ประสาน 7 สายการบินสัญชาติไทย เพิ่มที่นั่ง รับคนไทยกลับประเทศ เหตุสถานการณ์ชายแดนไทย-กัมพูชา ไม่สงบ พร้อมสั่งทุกหน่วยเตรียมพร้อม24ชั่วโมง ติดตามสถานการณ์อย่างใกล้ชิด

นายสุริยะ จึงรุ่งเรืองกิจ รองนายกรัฐมนตรี และรัฐมนตรีว่าการกระทรวงคมนาคม เปิดเผยว่า ภายในวันนี้ (24 กรกฎาคม 2568) ได้มอบหมายให้ นายกฤชนนท์ อัยยปัญญา ผู้ช่วยรัฐมนตรีประจำกระทรวงคมนาคมและโฆษกกระทรวงคมนาคม

และพลอากาศเอก มนัท ชวนะประยูร ผู้อำนวยการสำนักงานการบินพลเรือนแห่งประเทศไทย (CAAT) พร้อมด้วยสายการบินพาณิชย์สัญชาติไทย ทั้ง 7 สายการบิน เข้าประชุมหารือกับกระทรวงการต่างประเทศ

สำหรับการประชุมในครั้งนี้เพื่อเตรียมแผนการรองรับการเดินทางของคนไทยในกัมพูชา ที่ประสงค์เดินทางกลับประเทศไทย ผลจากสถานการณ์ความไม่สงบบริเวณชายแดนไทย-กัมพูชา

ทั้งนี้ทุกสายการบินสัญชาติไทย ทั้ง 7 สายการบิน พร้อมที่จะให้ความร่วมมืออย่างเต็มที่

ปัญหาชายแดนไทย-กัมพูชา "สุริยะ" จับมือ 7 สายการบิน รับคนไทยกลับประเทศ

ปัจจุบันมี 4 สายการบิน ที่ทำการบินในเส้นทาง กรุงเทพ-กัมพูชา อยู่แล้ว ได้แก่

  • การบินไทย ให้บริการ 16 เที่ยวบิน/สัปดาห์ จำนวน 180 ที่นั่งต่อเที่ยวบิน
  • ไทยแอร์เอเชีย 28 เที่ยวบิน/สัปดาห์ จำนวน 180 ที่นั่ง ต่อเที่ยวบิน
  • บางกอกแอร์เวย์ส 40 เที่ยวบิน/สัปดาห์ จำนวน 180 ที่นั่ง และ 70 ที่นั่ง ต่อเที่ยวบิน
  • ไทยเวียตเจ็ท 16 เที่ยวบิน/สัปดาห์ จำนวน 180 ที่นั่ง ต่อเที่ยวบิน

ส่วนอีก 3 สายการบิน ได้แก่ ไทยไลอ้อนแอร์ ไทยแอร์เอเชียร์เอ็กซ์ และ นกแอร์ พร้อมที่จะให้การสนับสนุนอย่างเต็มที่เพื่อรองรับการเดินทางมายังประเทศไทย

สำหรับแนวทางในการสนับสนุนนั้น ตั้งแต่วันที่ 25 กรกฎาคม 2568 จะดำเนินการเพิ่มจำนวนที่นั่งให้เพียงพอต่อความต้องการของคนไทยในกัมพูชาที่ต้องการเดินทางกลับประเทศไทย

ขณะที่มาตรการฉุกเฉินนั้นทุกฝ่ายได้จัดเตรียมแผนรองรับไว้เรียบร้อยแล้วด้วยเช่นกัน

ทั้งนี้ หากคนไทยในกัมพูชา ประสงค์กลับประเทศสามารถติดต่อสถานเอกอัครราชทูต ณ กรุงพนมเปญ โทรศัพท์ฉุกเฉิน: (+855) 77 888 114

นายสุริยะ กล่าวต่อว่า ได้สั่งการทุกหน่วยงานภายใต้การกำกับดูแล ให้ติดตามสถานการณ์อย่างใกล้ชิด เพื่อเตรียมการอำนวยความสะดวกและช่วยเหลืออย่างเต็มที่ โดยต้องคำนึงถึงความสะดวกและความปลอดภัยของประชาชนชาวไทยเป็นอันดับแรก