หอการค้า จ.สุรินทร์ฯ ชี้จุดปะทะชายแดนหนักที่สุด ชาวบ้านอพยพมาถึงใจกลางเมือง

24 ก.ค. 2568 | 06:36 น.
อัปเดตล่าสุด :17 ส.ค. 2568 | 05:26 น.

หอการค้าสุรินทร์ฯ ชี้จุดปะทะไทย-กัมพูชา บริเวณปราสาทตาเหมือนธม ทวีความรุนแรงและส่งผลกระทบอย่างหนัก ประชาชนนับพันคนอพยพจาก 3 อำเภอชายแดนถึงใจกลางเมืองแล้ว

นายวีรศักดิ์ พิษณุวงษ์ ประธานอาวุโสหอการค้าจังหวัดสุรินทร์ เปิดเผย “ฐานเศรษฐกิจ” ว่า สถานการณ์ชายแดนไทย-กัมพูชาของจังหวัดสุรินทร์น่าจะหนักที่สุดในกลุ่มจังหวัดอีสานใต้ โดยจุดเริ่มต้นมาจากปราสาทตาเมือนธม บริเวณอำเภอพนมดงรัก ก่อนลุกลามขยายครอบคลุมพื้นที่บริเวณอำเภอสังขะ และอำเภอกาบเชิง ซึ่งกำลังทวีความรุนแรงและส่งผลกระทบอย่างหนักต่อประชาชนเช่นกัน

การสู้รบที่เกิดขึ้นแตกต่างจากการปะทะในอดีตที่จำกัดอยู่แค่แนวชายแดนระหว่างทหาร เพราะครั้งนี้กัมพูชาใช้ประชาชนเป็นเครื่องมือในการสู้รบ ทำให้เกิดความเสียหายต่อบ้านเรือน และประชาชนเกิดความตื่นตระหนก ต้องอพยพออกจากพื้นที่จำนวนมาก

“จุดที่หนักสุดอยู่ปราสาทตาเมือนธม เพราะจุดประทะเริ่มแรก และเป็นการรบที่แย่มากเมื่อทางฝั่งกัมพูชาใช้ประชาชนเป็นเครื่องมือ แม้ไม่มีความโกลาหลวุ่นวายแต่ก็ทำให้ความเชื่อมั่นของประชาชนลดลงและเกิดความตื่นตระหนก ประชาชนหลายส่วนเริ่มอพยพเข้าสู่ตัวเมืองสุรินทร์แล้ว คาดการณ์อาจนับพันคนและมาสุดถึงหลักหมื่นคน”

จากการประเมินเบื้องต้นของหอการค้า จ.สุรินทร์ ในจำนวนนี้มีผู้ที่ไม่มีที่พักพิงประมาณ 1,000 คน ส่วนที่เหลือมีญาติพี่น้องรองรับอยู่แล้ว ซึ่งภาครัฐและภาคเอกชนได้เร่งจัดหาสถานที่อพยพรองรับไว้ประมาณ 1,000-2,000 คน

นายวีรศักดิ์ กล่าวว่า ตอนนี้หอการค้าฯ ได้ให้คำแนะนำภาคภาครัฐเกี่ยวกับการดูแลความปลอดภัยในทรัพย์สินของประชาชนและภาคเอกชนที่ต้องอพยพออกนอกพื้นที่ เพื่อป้องกันการจลาจลซ้ำเติมสถานการณ์ ขณะเดียวกันการเตรียมความพร้อมของทหารถือว่าอยู่ในภาวะที่เต็ม 100% คาดว่ากำลังพลในพื้นที่น่าจะเพียงพอ

ขณะเดียวดัน ด้านเศรษฐกิจและการค้าชายแดนได้รับผลกระทบมาสักระยะแล้วจากการปิดด่าน แต่ล่าสุดเหตุการณ์ในวันนี้ (24 กรกฎาคม 2568) มีประชาชนผู้เสียชีวิตและบาดเจ็บแล้ว แต่ยังไม่ได้รับการยืนยันจำนวนที่อาจมีเพิ่มขึ้น ซึ่งสิ่งสำคัญคือการคัดกรองข้อมูลจากแหล่งที่เชื่อถือได้จะช่วยทำให้ฝ่ายความมั่นคงได้ทำงานอย่างเต็มที่