ศบ.ทก. ยกระดับมาตรการระดับ 4 ปิดทุกด่านชายแดนไทย-กัมพูชา 

24 ก.ค. 2568 | 06:00 น.
อัปเดตล่าสุด :24 ก.ค. 2568 | 06:22 น.

ศบ.ทก. แถลงสรุปสถานการณ์เหตุปะทะชายแดนไทย-เขมร เผย ยกมาตรการระดับ 4 ปิดด่านตลอดแนวชายแดนกัมพูชา ย้ำ ทางการไม่นิ่งนอนใจ

24 กรกฎาคม 2568 พล.ร.ต.สุรสันต์ คงสิริ โฆษกศูนย์เฉพาะกิจบริหารสถานการณ์บริเวณชายแดนไทย-กัมพูชา (ศบ.ทก.) ด้านความมั่นคง พร้อมด้วยนางมาระตี นะลิตา อันดาโม รองอธิบดีกรมสารนิเทศและรองโฆษกกระทรวงการต่างประเทศ แถลงรายงานสรุปสถานการณ์เหตุปะทะบริเวณชายแดนไทย-กัมพูชาช่วง 2 วันที่ผ่านมา โดย พล.ร.ต.สุรสันต์ กล่าวว่า ในการประชุม ศบ.ทก.วาระพิเศษ ได้มีการอัพเดตสถานการณ์พร้อมขอชี้แจงรายละเอียดที่เกิดเหตุการณ์ ดังนี้ 

เหตุการณ์ลอบวางทุ่นระเบิดบริเวณช่องอานม้า อ.น้ำยืน จ.อุบลราชธานี เมื่อวันที่ 23 ก.ค. ซึ่งทำให้กำลังพลได้รับบาดเจ็บ จากเหตุการณ์ดังกล่าว กำลังพลบาดเจ็บ 5 นาย มี 1 นายข้อเท้าขวาขาด ส่วนอีก 4 นายมีอาการแน่นหน้าอก หูอื้อ ตอนนี้ได้รับการรักษาอย่างเร่งด่วนแล้ว

นอกจากนี้ช่วงเช้าของวันนี้มีเหตุการณ์เมื่อเวลาประมาณ 07.35 น. โดยฝ่ายกัมพูชาใช้โดรนบินตรวจการณ์การวางกำลังของทหารไทยที่บริเวณปราสาทตาเมือนธม ก่อนเคลื่อนกำลังพลและมีอาร์พีจีเคลื่อนมาแนวหน้า ฝ่ายไทยเห็นว่า ไม่ปลอดภัยพยายามตะโกนเจรจาแต่ไม่สำเร็จ จากนั้นเวลา 08.24 น.กัมพูชาเริ่มเปิดฉากยิงห่างจากปราสาทตาเมือน 200 เมตร ทำให้ไทยต้องตอบโต้ ก่อนขยายเหตุปะทะไปอีก 6 พื้นที่บริเวณชายแดน 

ปัจจุบันกัมพูชาใช้อาวุธหนัก บีเอ็ม 21 ทำให้เกิดความเสียหายแก่บ้านเรือนและคนไทยเสียชีวิต และโจมตีพื้นที่สาธารณะ อาทิ ศูนย์พัฒนาพื้นที่ชายแดนกาบเชิง จ.สุรินทร์ และ โรงพยาบาลของไทย ทั้งนี้ ได้อพยพคนไทยออกจากพื้นที่ มีรายงานผู้ได้รับบาดเจ็บ 3 คน เป็นเด็ก 1 คน เสียชีวิต 1 คน ในจ.สุรินทร์

ทั้งนี้ จากสถานการณ์ต่าง ๆ ฝ่ายไทยได้ดำเนินการตาม พ.ร.บ.จัดระเบียบข้าราชการกลาโหมให้กองทัพไทยจัดตั้ง ศูนย์บัญชาการทหารเพื่อติดตามสถานการณ์เพื่อควบคุม สั่งการในการปฏิบัติโดย มีผู้บัญชาการทหารสูงสุด เป็นผู้บังคับบัญชาสั่งการได้ 

อย่างไรก็ดี ศบ.ทก. ยืนยันมาตลอดเรื่องมาตรการเปิด-ปิดด่านโดยจำกัดคนและเวลาแต่จากสถานการณ์ปัจจุบันและดำเนินการตามขั้นตอนมาอย่างเรื่องเนื่อง ปัจจุบันได้ยกระดับมาตรการอยู่ที่ระดับ 4 คือ ปิดด่านเข้าออกทุกด่านตลอดแนวชายแดนกัมพูชา

ศบ.ทก. ยกระดับมาตรการระดับ 4 ปิดทุกด่านชายแดนไทย-กัมพูชา 

ส่วนสำนักงานตรวจคนเข้าเมือง ระบุว่า มีการตรวจพบคนไทยเดินทางโดยเครื่องบินไปเล่นการพนันและกลับมาทางช่องทางบกซึ่งยืนยันว่า ไม่สนับสนุน พร้อมเข้มงวดกับคนกลุ่มต่าง ๆ นี้ มากขึ้นพร้อมขอแจ้งเตือนประชาชนให้งดการเดินทางในลักษณะนี้ ทั้งนี้ ขอแจ้งประชาชนว่า ทางการไม่นิ่งนอนใจโดยเวลา 14.00 น.จะประชุมสมช.วาระพิเศษเพื่อประเมินสถานการณ์และกำหนดแนวทางดำเนินการต่อไป

ด้านนางมาระตี นะลิตา อันดาโม รองอธิบดีกรมสารนิเทศ และรองโฆษกกระทรวงการต่างประเทศ ระบุว่า ที่ผ่านมา ศบ.ทก. ยืนยันมาโดยตลอดว่า ไม่ปิดด่านเพียงแต่เพิ่มความเข้มงวดซึ่งเป็นไปตามที่หารือกันในที่ประชุมเพื่อแก้ไขปัญหาอาชญากรรมข้ามชาติและเพื่อความปลอดภัยของประชาชนแต่จากสถานการณ์ปัจจุบันทางการไทยมีความจำเป็นต้องปิดด่านในจุดต่าง ๆ เพื่อปกป้องอธิปไตยและความปลอดภัยของประชาชนในพื้นที่ ซึ่งเป็นมาตรการอย่างเป็นขั้นตอน จากขั้น 1-2 ที่ผ่านมาจนขณะนี้มาถึงขั้นที่ 4

ส่วนการดำเนินการด้านการต่างประเทศของกระทรวงการต่างประเทศเมื่อวานนี้ กระทรวงการต่างประเทศได้จัดบรรยายสรุปแก่คณะทูตต่างประเทศ และผู้ช่วยทูตทหารต่างประเทศในเรื่องเหตุการณ์ทุ่นระเบิดที่ อ.ช่องบก จ.อุบลราชธานี และการประท้วงของฝ่ายไทยซึ่งได้รับการตอบรับอย่างดีซึ่งมีผู้แทนคณะทูตต่างประเทศมาเข้าร่วม จำนวน 93 คน จาก 68 ประเทศ

ทั้งนี้ ฝ่ายไทยได้ชี้แจงท่าทีและจุดยืนในเรื่องดังกล่าวและการดำเนินการในเรื่องนี้ ทั้งการประท้วงฝ่ายกัมพูชาโดยตรง รวมถึงการประท้วงไปที่ประธานที่ประชุมรัฐภาคีอนุสัญญาออตตาวาและการดำเนินการต่อไปซึ่งผู้แทนประเทศต่างๆโดยเฉพาะรัฐภาคีอนุสัญญาออตตาวาได้รับทราบจุดยืนและเห็นพ้องกับแนวทางของไทยซึ่งเป็นไปตามพันธะกรณีของไทยเองเพราะจากเหตุการณ์เมื่อวานที่มีกำลังพลของกองทัพบกอีก 5 นาย ประสบเหตุเหยียบกับระเบิดในพื้นที่ดังกล่าว

กระทรวงการต่างประเทศ ขอประณามอย่างที่สุดการละเมิดอธิปไตย การละเมิดอนุสัญญาออตตาวา และขอแสดงความเสียใจต่อทหารที่ได้รับบาดเจ็บ และหวังว่าทหารที่ได้รับบาดเจ็บจะฟื้นตัวโดยเร็ว โดยในส่วนของกระทรวงการต่างประเทศจะเดินหน้าประท้วงต่อไป

สำหรับสถานการณ์การประทะระหว่างกำลังทั้งสองฝ่ายที่เกิดขึ้นในขณะนี้และที่ฝ่ายกัมพูชาเป็นฝ่ายริเริ่ม กระทรวงการต่างประเทศจะดำเนินการเพื่อปกป้องผลประโยชน์ท่าทีและอธิปไตยของไทยในเวทีระหว่างประเทศอย่างเต็มที่และดีที่สุด ยืนยันว่า พร้อมทำงานอย่างมีเอกภาพโดยดำเนินการไปพร้อมกับกองทัพไทยเพื่อปกป้องอธิปไตยตามกฎหมายระหว่างประเทศต่อไป