วันนี้ (1 เม.ย.68) น.ส.แพทองธาร ชินวัตร นายกรัฐมนตรี ให้สัมภาษณ์ภายหลังการประชุมคณะรัฐมนตรี (ครม.) กรณีการที่มีการตรวจสอบโครงการก่อสร้างสำนักงานตรวจเงินแผ่นดิน (สตง.) แห่งใหม่ถล่มจากเหตุแผ่นดินไหวเมื่อวันที่ 28 มีนาคม 2568 ว่า ครม.ได้พูดคุยกันถึงเรื่องของสาเหตุตึกถล่ม ซึ่งทุกกระทรวงได้มีข้อเสนอและทุกกระทรวงมีหน้าที่ต้องรับผิดชอบกันคนละเรื่อง ซึ่งทุกกระทรวงรับไปพิจารณาเพื่อให้การดำเนินการหาข้อเท็จจริงเป็นไปได้เร็วที่สุด
โดยจะมีการติดต่อเรื่องระบบเทคโนโลยีกับประเทศต่างๆ อย่างประเทศที่ประสบแผ่นดินไหวบ่อยๆ เช่น ญี่ปุ่นหรือโซนประเทศในยุโรปได้มอบหมายแต่ละกระทรวงพูดคุยเรื่องเทคโนโลยีเพิ่มเติมด้วย อย่างกระทรวงศึกษาธิการได้มีการปรับแผนเพราะมีเด็กที่ต้องสอบ ก็ต้องมีการเลื่อนวันสอบเล็กน้อย ซึ่งแต่ละกระทรวงปรับตามความเหมาะสมของแต่ละกระทรวงไป ก็ต้องร่วมมือกันเป็นอย่างดี
ส่วนของบริษัทที่มารับเหมาก่อสร้างต้องมีการสังคายนาด้วยหรือไม่ โดยเฉพาะบริษัทที่รับเหมานี้เห็นมีรายงานว่ารับการสร้างสาธารณูปโภคและเส้นทางคมนาคมด้วย นายกฯ กล่าวว่า “ค่ะ ได้ให้ตรวจสอบทุกโครงการที่เกี่ยวข้อง และให้ลงลึกว่าทำโครงการไหนบ้าง เพราะความจริงไม่อยากให้เกิดเรื่องของความไม่ปลอดภัยเพิ่มขึ้นอีก ซึ่งได้มีการสั่งการใน ครม.ไปแล้วว่าโครงการที่เกี่ยวข้องให้ผู้ที่มีหน้าที่ตรวจสอบไปตรวจสอบ”
ส่วนกรณีที่กระทรวงอุตสาหกรรมตรวจสอบเหล็กเส้นไม่ได้มาตรฐาน จะต้องมีการตรวจสอบเชิงลึกว่าได้กระจายลงไปยังโครงการอื่นๆอีกหรือไม่ เพราะอาจทำให้เกิดอันตรายได้อีก นายกฯ กล่าวว่า อันนี้ต้องตรวจสอบแน่นอน เพราะมันเป็นเรื่องของความปลอดภัย ถ้าพบเจอแล้วว่าชิ้นส่วนต่างๆพวกเหล็กที่เอามาทำตึก ส่วนประกอบ และวัสดุต่างๆถ้ากระจายไปที่โครงการอื่นด้วยก็ต้องแจ้ง ความจริงแล้วอย่างที่พูดไปก่อนหน้านี้ว่าเราต้องจริงจังกับเรื่องนี้ตามกระบวนการทุกอย่าง เพราะเรื่องนี้มันเป็นเรื่องใหญ่และเกิดขึ้นกับตึกๆเดียว แต่มันเป็นภาพพจน์ของประเทศไทย
“เพราะฉะนั้นเราต้องตอบโจทย์เรื่องนี้ให้ได้ว่าความจริงมันเกิดอะไรขึ้น ให้เวลาทุกหน่วยงานที่เกี่ยวข้องไปตรวจสอบเพื่อจะได้เอาคำตอบมาบอกพี่น้องประชาชน และความจริงไม่ใช่แค่พี่น้องประชาชน แต่บอกทั้งโลกว่าเกิดอะไรขึ้นกับประเทศไทย ทั้งนี้กระบวนการตรวจสอบอยู่ในกรมสอบสวนคดีพิเศษ (ดีเอสไอ) แล้ว เป็นการพิจาณณาของดีเอสไอ”
เมื่อถามว่าต้องตรวจสอบบริษัททุนจีนข้ามชาติที่มาลงทุนด้วยหรือไม่ ให้มีความเข้มข้นมากขึ้นกว่านี้ นายกฯ กล่าวว่า แน่นอนค่ะ อันนี้เป็นบทเรียนว่าเราต้องเข้มงวดมากขึ้นในเรื่องของทุกคนที่มีส่วนเกี่ยวข้องในการสร้างตึกหรือสร้างอะไรความปลอดภัยต้องมาเป็นหลัก เมื่อถามว่าดูเหมือนตอนนี้ทุนข้ามชาติเข้ามาลงทุนในบ้านเราแต่มีการจ้างแรงงานต่างด้าว แล้วคนไทยได้อะไร นายกฯ กล่าวว่า เราต้องดูเรื่องการจ้างแรงงานต่างด้าวที่ถูกกฎหมายด้วย ซึ่งทุกไซต์งานไม่ได้มีแรงงานชาติใดชาติหนึ่งทั้งหมด เพราะในเรื่องของจำนวนคนมีไม่เพียงพอ ในหลายๆไซต์งานที่เกิดขึ้นพร้อมกัน ฉะนั้นจะพยายามดูตรงนี้ให้ดี ไม่ให้คนไทยเสียโอกาสอยู่แล้ว อย่างไซต์งานที่เกิดขึ้นก็มีทั้งสองสัญชาติ
เมื่อถามอีกว่าตอนนี้ทุนจีนถูกโฟกัสเป็นพิเศษ น.ส.แพทองธาร กล่าวว่า ตอนที่เขาร่วมกันสร้างตึกนี้เป็นบริษัทไทยกับจีน เราต้องสอบสวนอย่างนั้นไป ซึ่งจริงๆไม่ใช่เป็นเรื่องเฉพาะว่าประเทศไหนเป็นประเทศไหน ต้องดูตามคอนแทคว่าบริษัทยี่ห้อไหนกับยี่ห้อไหนคุยกัน มันไม่เกี่ยวกับเรื่องสัญชาติว่าเป็นยังไง ถ้าเป็นใครจดกับใครก็ได้เราก็ต้องตรวจสอบทั้งนั้นไม่เกี่ยวว่าเป็นประเทศอะไร เพราะเราไม่อยากให้ประเทศใดประเทศหนึ่งเข้าใจว่าเราไปโฟกัสความผิด มันไม่ใช่ มันเป็นเรื่องของหน้างานที่ต้องเป็นแบบนั้น