"คีย์บอร์ดระเบิด" กับข้อเท็จจริง-ข้อสังเกตุที่น่าสนใจมีอะไรบ้าง อ่านเลย

16 ก.ย. 2565 | 01:22 น.

คีย์บอร์ดระเบิดกับข้อเท็จจริง-ข้อสังเกตุที่น่าสนใจมีอะไรบ้าง อ่านเลยที่มีคำตอบ หมอเฉลิมชัยชี้โรงเรียนควรเป้นที่ปลอดภัยสำหรับลูกหลาน

น.พ.เฉลิมชัย บุญยะลีพรรณ (หมอเฉลิมชัย) รองประธานกรรมาธิการการสาธารณสุข วุฒิสภา โพสต์ blockdit ส่วนตัว "ร้อยแปดพันเก้ากับหมอเฉลิมชัย" โดยมีข้อความว่า

 

ความจริงปรากฏแล้ว กรณีนักเรียนม.3 เสียชีวิตจากคีย์บอร์ดระเบิด ที่จริงแล้วเกิดจากถูกยิงด้วยอาวุธปืนในห้องเรียน

 

จากกรณีที่มีข่าวด่วนในวันที่ 15 ก.ย. 2565 มีนักเรียนชั้น ม.3 รายหนึ่ง ได้เสียชีวิตจากเครื่องคอมพิวเตอร์ระเบิด โดยมีรายละเอียดในเบื้องต้นคือ

 

  • ตำรวจสภ.บางบัวทองได้รับแจ้งเหตุว่า มีคอมพิวเตอร์ระเบิดในห้องเรียนใส่หน้านักเรียน ทำให้บาดเจ็บสาหัสหนึ่งราย

 

  • เมื่อตำรวจเข้าตรวจสถานที่เกิดเหตุ พบว่าภายในห้องเรียนคอมพิวเตอร์ มีเศษคีย์บอร์ดระเบิดเสียหาย ปุ่มคีย์บอร์ดกระเด็นหายไปหลายปุ่ม แต่หน้าจอคอมฯ และเครื่องคอมพิวเตอร์ปกติดี
     
  • ทางคุณครูได้ให้ข้อมูลว่า โรงเรียนเพิ่งซื้อคอมพิวเตอร์ชุดใหม่มารวม 10 เครื่องด้วยกัน

 

  • นักเรียนวัย 15 ปีที่ได้รับบาดเจ็บบริเวณใบหน้า พบว่าคิ้วซ้ายมีบาดแผลแตกลึกเห็นกระดูก ขนาด 3-4 เซนติเมตร และเสียชีวิตในเวลาต่อมา

 

กรณีดังกล่าว สร้างความงุนงงและสงสัยให้กับหลายฝ่ายมากว่า  คีย์บอร์ดระเบิดจนเป็นเหตุให้เด็กเสียชีวิตได้อย่างไร

 

ในเมื่อคีย์บอร์ดเป็นอุปกรณ์ที่ไม่ได้มีความซับซ้อนเหมือนตัวเครื่องคอมพิวเตอร์ ตลอดจนเพิ่งซื้อมาใหม่ และในระหว่างการใช้  ก็ไม่ได้มีกลิ่นเหม็นไหม้ มีประกายไฟ หรือมีเสียงดังผิดปกติแต่อย่างใด

 

ในที่สุดหลังจากการสอบสวนของเจ้าหน้าที่ตำรวจ ก็พบความจริงว่า

 

  • นักเรียนชายร่วมชั้นเรียนคนหนึ่ง ให้การที่มีพิรุธ ในที่สุดจึงรับสารภาพว่า ตนเองทำให้เพื่อนเสียชีวิต

 

  • เหตุจากมีปัญหากับผู้เสียชีวิต จึงได้ขโมยปืนลูกโม่ขนาด .38 จากพระวัดลาดปลาดุก ที่รู้จักสนิทสนมกัน
     
  • ตั้งใจนำปืนดังกล่าวมาเพื่อเคลียร์ปัญหากับเพื่อน (ไม่มีทางทำได้แน่นอน ถ้าเอาปืนมาข่มขู่) สุดท้ายตัดสินใจใช้ปืนที่เตรียมมา จ่อยิงทางด้านหลังศีรษะ ทำให้กระสุนทะลุออกที่คิ้วด้านซ้ายกระสุนไปถูกคีย์บอร์ดจนเกิดเสียหายขึ้น

 

  • ในช่วงที่ชุลมุน ผู้ก่อเหตุได้โทรหาเพื่อนสนิทให้นำอาวุธปืนไปซ่อน

 

จากกรณีดังกล่าว มีข้อน่าสังเกตดังนี้

 

  • ผู้ก่อเหตุเป็นเพียงเด็กเยาวชนอายุ 15 ปี ยังเรียนหนังสืออยู่ในชั้นมัธยมศึกษาตอนต้น
  • นักเรียนรายดังกล่าว สามารถนำอาวุธปืนเข้ามาในบริเวณโรงเรียน และนำเข้ามาใช้ก่อเหตุในห้องเรียนคอมพิวเตอร์ได้ โดยไม่มีผู้ใดพบเห็น ไม่ว่าจะเป็นคุณครูหรือเพื่อน
  • ถ้าเป็นเรื่องจริง พระสงฆ์มีอาวุธปืนอยู่ในครอบครองได้อย่างไร
  • การรายงานข่าวเบื้องต้น ส่อไปในทางว่าเกิดจากคอมพิวเตอร์ระเบิด ไม่มีการรายงานลักษณะแผลที่ศรีษะจากทางด้านหลัง อันน่าสงสัยว่าเกิดจากถูกอาวุธปืนแต่อย่างใด

 

นับเป็นเรื่องน่าเศร้าสำหรับทุกฝ่าย ไม่ว่าจะเป็นทั้งผู้เสียชีวิตและครอบครัว ทั้งตัวผู้ก่อเหตุเองซึ่งยังเป็นเด็กและครอบครัว คุณครูและโรงเรียน บริษัทคอมพิวเตอร์ที่ต้องเสียชื่อไปในช่วงแรก

 

และเป็นเรื่องน่าเศร้าสำหรับสังคมไทยโดยรวม ที่มีการใช้ความรุนแรงจนถึงขั้นเสียชีวิต

 

ที่สำคัญคือเกิดในเด็กที่ยังเรียนหนังสือ และก่อเหตุในห้องเรียน ซึ่งควรเป็นสถานที่ปลอดภัยที่สุดสำหรับลูกหลานของพวกเราทุกคน