“คลัง-แบงก์ชาติ” จัด“มหกรรมร่วมใจแก้หนี้” เริ่ม 26 ก.ย.นี้

12 ก.ย. 2565 | 04:33 น.

รองโฆษกรัฐบาล เผย “คลัง-แบงก์ชาติ” เตรียมจัด “มหกรรมร่วมใจแก้หนี้” ระหว่างวันที่ 26ก.ย.-30 พ.ย.นี้ ผ่านออนไลน์

วันที่ 12 ก.ย. 2565 น.ส.ไตรศุลี ไตรสรณกุล รองโฆษกประจำสำนักนายกรัฐมนตรี  กล่าวว่า ตามที่รัฐบาลได้มีนโยบายให้หน่วยงานที่เกี่ยวข้องให้ความช่วยเหลือประชาชนที่มีปัญหาการชำระหนี้เนื่องจากยังไม่สามารถปรับตัวได้แม้สถานการณ์เศรษฐกิจจะเริ่มดีขึ้นหลังการแพร่ระบาดโควิด19 คลี่คลาย หน่วยงานต่างๆ ได้มีโครงการช่วยเหลือประชาชนที่มีปัญหาการชำระหนี้โดยต่อเนื่อง

 

สำหรับโครงการที่เพิ่งสิ้นสุดลงไป คือ มหกรรมไกล่เกลี่ยหนี้ ของกระทรวงยุติธรรม ที่ได้ร่วมกับหน่วยงานที่เกี่ยวข้องและสถาบันการเงินทั้งของรัฐและเอกชน ดำเนินการไกล่เกลี่ยหนี้ตั้งแต่เดือน ก.พ. 65 เป็นต้นมารวม 77 ครั้ง ใน 77 จังหวัด ช่วยเหลือประชาชนทั้งสิ้น 78,520 คน ทุนทรัพย์ 19,487 ล้านบาท ลดค่าใช้จ่ายในการดำเนินคดี ค่าธรรมเนียมศาล ค่าทนายความ 5,905 ล้านบาท

น.ส.ไตรศุลี ไตรสรณกุล รองโฆษกประจำสำนักนายกรัฐมนตรี

นอกจากนี้ กระทรวงยุติธรรมยังได้จัดมหกรรมไกล่เกลี่ยหนี้รอบเก็บตก ที่อิมแพ็ค เมืองทองธานี เมื่อวันที่8-11 ก.ย. 65 ที่ผ่านมา ข้อมูล 3 วันแรก (8-10 ก.ย.) มีลูกหนี้ของสถาบันการเงิน รวมถึง กยศ. เข้าร่วมกว่า 6,000 คน มีผู้ยื่นขอไกล่เกลี่ย 5,023 คน ไกล่เกลี่ยสำเร็จ 4,787 คน รวมทุนทรัพย์ 1,648 ล้านบาทสามารถลดค่าใช้จ่ายประชาชนได้ 405 ล้านบาท

 

หลังสิ้นสุดโครงการของกระทรวงยุติธรรมแล้ว ประชาชนที่มีปัญหาการชำระหนี้ ยังสามารถเข้าร่วม “มหกรรมร่วมใจแก้หนี้ : มีหนี้ต้องแก้ไข เริ่มต้นใหม่อย่างยั่งยืน” ดำเนินการโดยกระทรวงการคลังและธนาคารแห่งประเทศไทย (ธปท.)

 

เป็นการเปิดช่องทางการเจรจาไกล่เกลี่ยหนี้ระหว่างลูกหนี้กับเจ้าหนี้ ซึ่งมีสถาบันการเงินทั้งธนาคารและนอนแบงก์ บรรษัทบริหารสินทรัพย์สถาบันการเงิน (บบส.) เข้าร่วม 56 แห่ง ครอบคลุมสินเชื่อ ทั้งที่อยู่อาศัย บัตรเครดิต สินเชื่อส่วนบุคคล สินเชื่อเช่าซื้อรถยนต์/จักรยานยนต์ จำนำทะเบียน

 

มหกรรมร่วมใจแก้หนี้ จะแบ่งการดำเนินการเป็น 2 ระยะ โดยระยะที่ 1 ดำเนินการระหว่างวันที่ 26 ก.ย.-30 พ.ย. 65 เป็นการไกล่เกลี่ยหนี้ผ่านช่องทางออนไลน์ โดยผู้ที่สนใจเข้าร่วมสามารถลงทะเบียนได้ที่เว็บไซต์ของธนาคารแห่งประเทศไทย www.bot.or.th  หรือติดต่อสถาบันการเงินที่เป็นเจ้าหนี้สามารถสอบถามข้อมูลเพิ่มเติมที่ฝ่ายคุ้มครองผู้ใช้บริการทางการเงิน โทรศัพท์ 1213 หรือ E-mail : [email protected]

 

สำหรับระยะที่2 จะเป็นการสัญจรไปยังภูมิภาคต่างๆ ทั่วประเทศ ระหว่างเดือน พ.ย. 65-ม.ค. 66 ซึ่งจะมีทั้งการเจรจาแก้ปัญหาหนี้เดิม ให้คำปรึกษาเสริมทักษะด้านการเงิน และให้สินเชื่อเพิ่มเติมสำหรับผู้ที่จำเป็น ส่วนวัน เวลา สถานที่ที่จะจัดงาน ธปท. และกระทรวงการคลังจะแจ้งให้ทราบต่อไป

 น.ส.ไตรศุลี กล่าวว่า  นอกจากโครงการไกล่เกลี่ยหนี้ดังกล่าวมาแล้ว ยังมีโครงการช่วยเหลือผู้ที่เป็นหนี้เสีย (NPL) คือโครงการคลินิกแก้หนี้ ดำเนินการโดย ธปท. ร่วมกับสถาบันการเงินทั้งรัฐและเอกชน ที่ล่าสุด คณะกรรมการกำกับดูแลโครงการคลินิกแก้หนี้ (กคน.) ได้ปรับปรุงเงื่อนไขการปรับโครงสร้างหนี้ในโครงการคลินิกแก้หนี้เพื่อให้สอดคล้องกับสถานการณ์ ใน  2 เรื่อง ได้แก่

 

1) ปรับเกณฑ์คุณสมบัติการสมัครเข้าร่วมโครงการ ให้ครอบคลุมลูกหนี้ที่มีสถานะเป็น NPL จากเดิม ก่อนวันที่ 1 เม.ย. 65 เป็นก่อนวันที่ 1 ก.ย. 65 เพื่อรองรับหนี้เสียรายใหม่ให้สามารถเข้าร่วมโครงการได้มากขึ้น

 

 2)ปรับทางเลือกการปรับโครงสร้างหนี้ จากเดิมที่มีทางเลือกเดียวเป็น 3 ทางเลือก เพื่อเพิ่มทางเลือกให้ผู้ที่อาจมีศักยภาพชำระหนี้มากขึ้นตามภาวะเศรษฐกิจ ได้แก่ 1.ผ่อนชำระไม่เกิน 4 ปี อัตราดอกเบี้ยร้อยละ3 ต่อปี 2. ผ่อนชำระนานกว่า 4 ปี แต่ไม่เกิน 7 ปี อัตราดอกเบี้ยร้อยละ 4 ต่อปี และ 3.ผ่อนชำระนานกว่า 7 ปี แต่ไม่เกิน 10 ปี อัตราดอกเบี้ยร้อยละ 5 ต่อปี 

 

 โดยผู้สนใจเข้าร่วมโครงการสามารถสมัครผ่านทางเว็บไซต์ www.คลินิกแก้หนี้.com หรือสอบถามข้อมูลเพิ่มเติมที่ โทรศัพท์ 1213