อุบัติเหตุมอเตอร์สาย 7 “ทล.” ตั้งกรรมการสอบ หลังพบผู้เสียชีวิตคารถ 12 ชม.

10 ส.ค. 2565 | 09:58 น.

“ทล.” เร่งชี้แจงหลังเกิดอุบัติเหตุบนมอเตอร์สาย 7 พบร่างผู้เสียชีวิตคารถเก๋งนาน 12 ชม. สั่งตั้งคณะกรรมการสอบข้อเท็จจริง

 นายธนศักดิ์ วงศ์ธนากิจเจริญ ผู้อำนวยการกองทางหลวงพิเศษระหว่างเมือง กรมทางหลวง (ทล.) เปิดเผยถึงกรณีอุบัติเหตุรถยนต์เก๋งเสียหลักพลิกคว่ำ บนถนนมอเตอร์สาย 7 ฝั่งขาเข้าพัทยา ช่วง กม.105+700 เมื่อวันที่ 9 สิงหาคม 2565 และได้มีการประสานเก็บกู้ซากรถออกจากบริเวณที่เกิดเหตุ แต่ต่อมาพบร่างผู้เสียชีวิตติดอยู่ในซากรถคันดังกล่าวว่า  ภายหลังตรวจสอบรายละเอียดอุบัติเหตุดังกล่าวจากศูนย์บริหารจัดการจราจร (CCB) พัทยา พบว่า เมื่อเวลา 07.45 น. เกิดเหตุรถยนต์เก๋ง ยี่ห้อ นิสสัน สีขาว หมายเลขทะเบียน 2 กร 1787 กรุงเทพมหานคร ชนกับแบริเออร์ ส่งผลให้สภาพหน้ารถและท้ายรถพังเสียหาย 

 

อุบัติเหตุมอเตอร์สาย 7 “ทล.” ตั้งกรรมการสอบ หลังพบผู้เสียชีวิตคารถ 12 ชม.

ทั้งนี้เจ้าหน้าที่ได้รับแจ้งเหตุจึงดำเนินการประสานศูนย์วิทยุกู้ภัยแหลมฉบัง เจ้าหน้าที่ตำรวจ และพนักงานสอบสวน รวม 9 นาย ให้รีบไปช่วยเหลือและอำนวยการจราจรบริเวณจุดเกิดเหตุ โดยเจ้าหน้าที่เดินทางถึงจุดเกิดเหตุในเวลา 07.54 น. และดำเนินการตรวจสภาพที่เกิดเหตุอย่างละเอียดทันที ซึ่งเจ้าหน้าที่ตำรวจและกู้ภัยทั้งหมดยืนยันว่าไม่พบผู้บาดเจ็บ ญาติ หรือผู้เสียชีวิต ในบริเวณดังกล่าว และเกรงว่าจะเกิดอุบัติเหตุซ้ำซ้อนส่งผลให้เกิดความไม่ปลอดภัย อีกทั้งหลักฐานจะถูกทำลายไปทำให้เสียรูปคดี จึงทำการเคลื่อนย้ายรถไปเก็บไว้ที่สถานีสอบสวนตำรวจเขาเขียวในเวลา 09.28 น. เพื่อรอเจ้าหน้าที่ที่เกี่ยวข้องดำเนินการตรวจสอบข้อเท็จจริง 
 

ขณะเดียวกันพนักงานสอบสวนได้ติดตามสอบถามไปยังโรงพยาบาล กู้ภัยในพื้นที่ และญาติ แต่ไม่พบตัวผู้ขับขี่ จึงได้ดำเนินการค้นหาและตรวจสอบที่รถอีกครั้ง จนเมื่อเวลาประมาณ 18.00 น. พ.ต.ท.รัตพล วรรณะ รอง ผกก.ส.ทล.1 กก.8 บก.ทล.เขาเขียว แจ้งว่า พบศพผู้เสียชีวิต คือ นายภัทรชัย อรรถพร อายุ 68 ปี อาศัยอยู่ที่ตำบลมาบตาพุด อ.เมืองระยอง จังหวัดระยอง อยู่ในสภาพแขนซ้ายและขวาหัก นอนขดตัวอยู่บริเวณเบาะคนขับ ใต้พวงมาลัยรถ เจ้าหน้าที่จึงได้ทำการประสานเจ้าหน้าที่กู้ภัยนำร่างออกมาตรวจสอบ และนำไปเก็บรักษาไว้ที่โรงพยาบาลแหลมฉบัง เพื่อแจ้งให้ญาติทราบและทำการชันสูตรพลิกศพ

 

อุบัติเหตุมอเตอร์สาย 7 “ทล.” ตั้งกรรมการสอบ หลังพบผู้เสียชีวิตคารถ 12 ชม.

 

“กรมทางหลวง ขอแสดงความเสียใจต่อเหตุการณ์ที่เกิดขึ้นและขอแสดงความเสียใจไปยังครอบครัวของผู้เสียชีวิต ทั้งนี้ กรมทางหลวงได้แต่งตั้งคณะกรรมการตรวจสอบข้อเท็จจริงเพื่อตรวจสอบในรายละเอียดของเหตุการณ์ที่เกิดขึ้น โดยให้ตำรวจทางหลวงเข้าร่วมตรวจสอบข้อเท็จจริงด้วย และขอยืนยันว่าจะดำเนินการตรวจสอบความถูกต้องเพื่อคลี่คลายทุกประเด็นที่เป็นข้อสงสัยให้รับทราบต่อไป” 
 

นายธนศักดิ์ กล่าวต่อว่า กรมฯ ไม่ได้นิ่งนอนใจต่อเหตุการณ์ที่เกิดขึ้น ส่วนขั้นตอนการปฏิบัติงานของศูนย์ควบคุมการจราจร (CCB)  ซึ่งเมื่อได้รับแจ้งเหตุผ่านวิทยุกู้ภัยประจำเขตในพื้นที่และหัวหน้าชุดเพื่อประเมินสถานการณ์ และแจ้งประสานหน่วยงานต่าง ๆ ที่เกี่ยวข้องแล้ว เช่น ตำรวจ รถยก กู้ชีพ เป็นต้น  จากนั้นจึงแจ้งรถปฏิบัติการที่ใกล้ที่สุด ลงพื้นที่ตรวจสอบโดยเร็ว เมื่อถึงจุดเกิดเหตุ เจ้าหน้าที่จะดำเนินการตรวจสอบหน้างาน เช่น ถ่ายรูปที่เกิดเหตุ สร้างแนววางกรวยยาง ติดสัญญาณไฟ เพื่ออำนวยความสะดวก ความปลอดภัย และแก้ไขปัญหารถกีดขวางการจราจรเพื่อป้องกันอุบัติเหตุซ้ำซ้อน 

 

อุบัติเหตุมอเตอร์สาย 7 “ทล.” ตั้งกรรมการสอบ หลังพบผู้เสียชีวิตคารถ 12 ชม.

 

นอกจากนี้เจ้าหน้าที่จะดำเนินการตรวจสอบสภาพที่เกิดเหตุ แก้ไขปัญหารถกีดขวางการจราจร ตรวจสอบผู้ได้รับบาดเจ็บ ผู้เสียชีวิต ทรัพย์สินเสียหาย เป็นต้น และหากพบผู้บาดเจ็บหรือเสียชีวิต ต้องรีบแจ้งหน่วยงานที่เกี่ยวข้องเพิ่มเติม โดยเจ้าหน้าที่กรมทางหลวงจะดำเนินการตามขอบเขตที่กำหนด และหากในที่เกิดเหตุไม่พบผู้ขับขี่ แนวทางการดำเนินการ คือ เจ้าหน้าที่จะตรวจสอบเพียงภายนอก จะไม่เข้าไปในตัวรถผู้ประสบเหตุ เพื่อป้องกันการร้องเรียนกรณีทรัพย์สินของผู้ประสบเหตุสูญหาย