ผงะ! โอมิครอนสายพันธุ์ใหม่ BA.5.1.3 ระบาดไหหลำ ทำ นทท. ติดค้างกว่า 8 หมื่นราย

08 ส.ค. 2565 | 21:11 น.

ผงะ! โอมิครอนสายพันธุ์ใหม่ BA.5.1.3 ระบาดไหหลำ ทำนักท่องเที่ยวติดค้างกว่า 8 หมื่นราย ส่งกระทบทั้งทางเศรษฐกิจและทางสังคมอย่างมาก

น.พ.เฉลิมชัย บุญยะลีพรรณ (หมอเฉลิมชัย) รองประธานกรรมาธิการการสาธารณสุข วุฒิสภา โพสต์ blockdit ส่วนตัว "ร้อยแปดพันเก้ากับหมอเฉลิมชัย" โดยมีข้อความว่า

 

ล่าสุด !! ไวรัสสายพันธุ์ใหม่ BA.5.1.3 ระบาดในเมืองใหญ่ของเกาะไหหลำ ทำให้นักท่องเที่ยวติดค้างในเมืองมากถึง 80,000 คน จากการล็อกดาวน์

 

ประเทศสาธารณรัฐประชาชนจีน เป็นประเทศเดียวในโลกขณะนี้ ที่สามารถควบคุมการระบาดของโควิด-19 ได้อย่างดี โดยใช้มาตรการเข้มข้นสูงสุดคือ Zero-Covid

 

ทำให้มีจำนวนผู้ติดเชื้อและผู้เสียชีวิตน้อยที่สุดในโลก เมื่อคิดเป็นสัดส่วนของประชากร

 

แต่ก่อให้เกิดผลกระทบทั้งทางเศรษฐกิจและทางสังคมเป็นอย่างมาก

 

ล่าสุด วันที่ 7 ส.ค. 2565 มีการปิดเมืองซานยา (Sanya) บนเกาะไหหลำ(Hainan Island) ซึ่งเป็นเมืองท่องเที่ยวที่มีชื่อเสียงที่สุดแห่งหนึ่ง จนได้รับการยกย่องว่าเป็นฮาวายของประเทศจีน (China’s Hawaii)

เนื่องจากในช่วงหนึ่งสัปดาห์ที่ผ่านมา มีผู้ติดเชื้อโควิดมากถึง 827 ราย

 

เฉพาะวันเสาร์เพียงวันเดียว มีผู้ติดเชื้อถึง 270 รายที่มีอาการ และอีก 173 รายที่ไม่มีอาการ

 

ทำให้ทางการของเมืองซานยา มณฑลไหหนาน ต้องทำการล็อกดาวน์ปิดเมืองทันที

 

ปิดทั้งผู้โดยสารขาเข้า-ขาออกทางเครื่องบิน และทางรถไฟ ทำให้มีนักท่องเที่ยวตกค้างอยู่ในเมืองทันที 80,000 คน

 

โอมิครอนสายพันธุ์ใหม่ BA.5.1.3 ระบาดไหหลำ

 

โดยส่วนใหญ่จะอยู่บริเวณอ่าวซานยาซึ่งเป็นเขตเสี่ยงต่ำ โดยนักท่องเที่ยวทั้งหมดจะถูกเคลื่อนย้ายเข้าไปพักในโรงแรมในเมือง และทางโรงแรมจะลดราคาให้ 50%

 

โดยจะต้องอยู่ในเมืองอย่างน้อย 7 วัน และต้อมีผลตรวจไวรัสเป็นลบอย่างน้อย 5 วัน จึงจะออกจากเมืองได้

 

ทำให้ตั๋วเครื่องบินชั้นประหยัดขาออกจากเมืองซานยาไปเซี่ยงไฮ้พุ่งขึ้นเป็นถึง 15,000 บาทแล้ว
 

นโยบาย Zero Covid ของจีนนั้น ประกอบด้วยมาตรการเข้มดังนี้

 

  • เมื่อพบผู้ติดเชื้อ แม้เพียงรายเดียว ก็จะทำการล็อกดาวน์เป็นเขตหรือเป็นย่านทันที ถ้ามีจำนวนมากก็ล็อกดาวน์ทั้งเมือง
  • ทำการตรวจชนิดเป็นแมส (Mass testing) ทุกคนที่อยู่ในเขตที่ล็อกดาวน์
  • มีมาตรการเข้มในการป้องกันคนเข้าออกจากเขตล็อกดาวน์ดังกล่าว ซึ่งเดิมเคยมีบางประเทศใช้นโยบายเช่นเดียวกัน เช่น นิวซีแลนด์ แล้วก็คุมโรคระบาดในช่วงไวรัสอู่ฮั่น อัลฟ่า และเดลต้าได้ดี

 

แต่เมื่อถึงไวรัสโอมิครอนซึ่งมีการติดเชื้อแบบไม่มีอาการจำนวนมาก และแพร่ระบาดได้ง่ายอย่างรวดเร็ว จึงทำให้นิวซีแลนด์ยกเลิกมาตรการดังกล่าว

 

ขณะนี้จึงเหลือเพียงจีนประเทศเดียว ที่ยังคงใช้นโยบาย Zero Covid แล้วก็ยังคุมโรคระบาดได้ดีพอสมควร แต่ผลกระทบอื่นมีความรุนแรง

 

จึงทำให้ทั่วโลกจับตามองว่า จีนจะยังคงเดินหน้านโยบาย Zero Covid ต่อไปได้อีกนานมากน้อยเพียงใด