ข่าวดี!ฉีดวัคซีนหลังเสี่ยงสูงติดเชื้อ "ฝีดาษลิง" ลดความรุนแรงของโรคได้

07 ส.ค. 2565 | 21:11 น.

ข่าวดี!ฉีดวัคซีนหลังเสี่ยงสูงติดเชื้อ "ฝีดาษลิง" ลดความรุนแรงของโรคได้ ดร.อนันต์เผยข้อมูลจากฝรั่งเศส ระบุเป็นการเก็บข้อมูลจากผู้เสี่ยงสูงจำนวน 276 คน

ดร.อนันต์ จงแก้ววัฒนา ผู้อำนวยการกลุ่มวิจัยนวัตกรรมสุขภาพสัตว์ และการจัดการ ศูนย์พันธุวิศวกรรม และเทคโนโลยีชีวภาพแห่งชาติ (ไบโอเทค) โพสต์เฟสบุ๊กส่วนตัว (Anan Jongkaewwattana)โดยมีข้อความระบุว่า 

 

ผู้เสี่ยงสูงจากการสัมผัสกับผู้ป่วยฝีดาษลิงเชื่อว่าสามารถให้วัคซีนตามหลังได้ ถึงแม้ว่าอาจจะไม่ช่วยป้องกันการติดเชื้อ 

 

แต่สามารถลดระดับความรุนแรงของโรคได้ ข้อมูลล่าสุดจากฝรั่งเศสออกมาน่าสนใจ 

 

โดยเป็นการเก็บข้อมูลจากผู้เสี่ยงสูงจำนวน 276 คน โดยการสัมผัสส่วนใหญ่ผ่านทางละอองฝอย (91%) 

 

หรือสัมผัสทางอ้อมที่ไม่ได้ถูดตัวผู้ป่วยโดยตรง เช่น ไปสัมผัสสิ่งของที่ผู้ป่วยเคยใช้ หรือ (71%) 

 

และการสัมผัสผ่านกิจกรรมทางเพศที่ไม่ได้มีการป้องกัน (54%) ค่า% จะมีส่วนซ้ำซ้อน 

 

เพราะผู้ให้ข้อมูลคิดว่าอาจจะมีความเสี่ยงสัมผัสเชื้อได้มากกว่า 1 ช่องทาง 

โดยผู้เสี่ยงสูงทั้งหมดได้รับวัคซีนหลังจากวันที่มีความเสี่ยงประมาณ 11 วัน (เร็วสุด 8 วัน และ ช้าสุด 14 วัน) 

 

โดยวันที่ได้รับวัคซีนทุกคนยังไม่มีอาการใดๆ โดยวัคซีนที่ให้กับผู้เสี่ยงสูงคือ JYNNEOS (MVA-BN) Vaccine (IMVANEX, IMVAMUNE) ซึ่งเป็นแบบฉีด ไม่ใช่รุ่นเก่าที่เป็นตัวปลูกฝี

 

ในจำนวนผู้เสี่ยงสูงที่ได้รับวัคซีนทั้งหมด พบว่า 12 คน ตรวจพบการติดเชื้อฝีดาษลิง (ออกจากระยะฟักตัว) 

 

โดย 3 คน พบติดเชื้อหลังฉีดวัคซีน 1วัน และคนที่ตรวจพบวันที่ 2 และ 3 อีกวันละ 1 คน อีก 5 คน คือกลุ่มที่ตรวจพบหลังรับวัคซีน ไป 4-5 วัน 

 

ฉีดวัคซีนหลังเสี่ยงสูงติดเชื้อ "ฝีดาษลิง" ลดความรุนแรงของโรคได้

 

และ มี 2 คน คือ อาการมาค่อนข้างช้า คือ หลังรับวัคซีนไป 22-25 วัน ข้อมูลยังระบุว่ามีผู้ป่วย 1 ราย ( Patient #6) เป็นผู้ได้รับเชื้อจากการเก็บตัวอย่างจากผู้ป่วย

 

และเผลอโดนเข็มที่ปนเปื้อนไวรัสเข้าโดยตรง ซึ่งหลังโดนเข็มทิ่มก็ฉีดวัคซีนทันที แต่ก็พบการติดเชื้อที่ 4 วันต่อมา

 

อาการของผู้ติดเชื้อ 12 คนที่ได้รับวัคซีนตามหลัง พบว่า 50% ยังมีตุ่มแผลขึ้นอยู่ 

และมีอาการอื่นๆเช่น ไข้ ต่อมน้ำเหลืองโต เจ็บคอ แต่อาการโดยรวมมีความรุนแรงน้อยกว่าผู้ป่วยฝีดาษลิงโดยทั่วไป 

 

ทีมวิจัยเชื่อว่า การให้วัคซีนตามหลังการสัมผัสเสี่ยงสูงถึงแม้อาจจะไม่สามารถป้องกันการติดเชื้อได้ 100% แต่น่าจะสามารถลดความรุนแรงของโรคได้

 

เสียดายจากการศึกษานี้ไม่มีตัวเลขระบุว่า ผู้สัมผัสเสี่ยงสูงแล้วไม่ได้รับวัคซีนจะมีการตรวจพบเชื้อกี่ % (มากกว่า 12 ใน 276 คน เท่าไหร่?) 

 

ซึ่งถ้ามีตัวเลขตรงนี้จะช่วยให้เห็นความสำคัญต่อการนำวัคซีนมาใช้ในผู้เสี่ยงสัมผัสกับผู้ป่วยได้ดีขึ้น