"ฝีดาษลิง"อาจมีในไทยอยู่แล้ว ก่อนพบผู้ป่วยคนแรกชาวไนจีเรียที่ภูเก็ต

24 ก.ค. 2565 | 01:05 น.

หมอเฉลิมชัย คาด "ฝีดาษลิง" อาจมีในไทยอยู่ก่อนหน้านี้แล้ว ก่อนพบผู้ป่วยรายแรกชาวไนจีเรียที่ภูเก็ต หลังไทม์ไลน์ระบุชัดเดินทางอยู่ในประเทศไทยตั้งแต่พฤศจิกายน 2564 ย้ำต้องเร่งติดตามหญิงที่มีเพศสัมพันธ์กับผู้ป่วย เพื่อสกัดฝีดาษลิงระบาด

จากกรณีพบ ผู้ป่วย"ฝีดาษลิง" รายแรกของประเทศไทย ชาวไนจีเรีย ชื่อ Mr.OSMOND CHIHAZIRIM NZEREM ชายวัย 27 ปี ซึ่งได้หนีการรักษาตัวออกจากภูเก็ต ไปยังสระแก้ว และข้ามชายแดนไปยังฝั่งประเทศกัมพูชา จนถูกจับกุมตัวได้ที่กรุงพนมเปญนั้น

 

"ฝีดาษลิง"อาจมีในไทยอยู่แล้ว ก่อนพบผู้ป่วยคนแรกชาวไนจีเรียที่ภูเก็ต

น.พ.เฉลิมชัย บุญยะลีพรรณ หรือ หมอเฉลิมชัย รองประธานกรรมาธิการการสาธารณสุข วุฒิสภา โพสต์ Blockdit “ร้อยแปดพันเก้ากับหมอเฉลิมชัย” ตั้งข้อสังเกตุจากไทม์ไลน์ของชายชาวไนจีเรีย เชื้อฝีดาษลิงอาจจะมีอยู่ในประเทศไทยมานานแล้ว มีเนื้อหาดังนี้

 

จากกรณีตรวจพบผู้ป่วยฝีดาษลิงเป็นชายชาวไนจีเรียวัย 27 ปี ที่จังหวัดภูเก็ต ได้มีการตรวจยืนยันการวินิจฉัยโรคโดยห้องปฏิบัติการ 2 แห่ง ทั้งของคณะแพทยศาสตร์ จุฬาลงกรณ์มหาวิทยาลัย และของกรมวิทยาศาสตร์การแพทย์ กระทรวงสาธารณสุข

เมื่อวันที่ 22 ก.ค. 2565 มีการแถลงที่จังหวัดภูเก็ต ถึงความคืบหน้าของผู้ป่วยชายไนจีเรียคนดังกล่าว ที่ได้หลบหนี ไม่ยอมเข้ารับการรักษา จนขณะนี้ยังติดตามตัวไม่พบ ได้มีการเร่งสอบสวนโรค โดยการที่ได้ส่งตรวจหาเชื้อในผู้สัมผัสเสี่ยง 17 ราย โดย 7 รายแรก ผลเป็นลบ ยังเหลือต้องรอผลอีก 10 ราย

 

แต่ข้อมูลที่น่าสนใจคือ ชายไนจีเรียคนดังกล่าว เข้ามาประเทศไทยตั้งแต่ตุลาคม 2564 และได้มาอยู่ที่ภูเก็ตในเดือนพฤศจิกายน 2564 โดยไม่มีประวัติเดินทางเข้าออกประเทศไทย หลังจากพฤศจิกายน2564

 

นั่นหมายความว่า ชายชาวไนจีเรียคนดังกล่าว เกิดการติดโรคฝีดาษลิงภายในประเทศไทย ไม่ได้เกิดจากการนำเชื้อมาจากประเทศไนจีเรีย ส่วนจะติดจากคนไทยด้วยกันเอง หรือเพื่อนชาวไนจีเรียที่เดินทางเข้ามาภายหลัง  ก็เป็นเรื่องที่จะต้องสอบสวนกันต่อไป

 

"ฝีดาษลิง"อาจมีในไทยอยู่แล้ว ก่อนพบผู้ป่วยคนแรกชาวไนจีเรียที่ภูเก็ต

 

ดังนั้นจึงมีความเป็นไปได้ ที่เชื้อไวรัสก่อโรค ฝีดาษลิงอาจจะมีอยู่ในประเทศไทย ก่อนที่จะตรวจพบในเคสแรกที่มีประกาศอย่างเป็นทางการ 

 

อีกประเด็นที่ควรค่าแก่การวิเคราะห์คือ ชายคนดังกล่าวมีประวัติเพศสัมพันธ์กับหญิงหลายคนในช่วง 2 สัปดาห์ที่ผ่านมา ซึ่งเป็นช่วงระยะแพร่เชื้อ จึงทำให้กลุ่มหญิงดังกล่าว ซึ่งยังไม่ทราบว่ามีผู้ใดบ้าง จะมีความเสี่ยงสูงที่จะติดฝีดาษลิง

 

และยิ่งมีผลกระทบมากขึ้นต่อการควบคุมโรคระบาด ถ้าหญิงกลุ่มดังกล่าวยังคงทำงานต่อเนื่องมาโดยตลอด และถ้าหญิงกลุ่มดังกล่าว ยังคงทำงานให้บริการต่อไปอีก ก็จะแพร่ไปสู่ลูกค้าเพิ่มวงกว้างมากขึ้น ซึ่งไม่ทราบว่า ในช่วง 2 สัปดาห์ที่ผ่านมา จะมีผู้สัมผัสเสี่ยงสูงจำนวนมากน้อยเพียงใด

 

"ฝีดาษลิง"อาจมีในไทยอยู่แล้ว ก่อนพบผู้ป่วยคนแรกชาวไนจีเรียที่ภูเก็ต

นพ.เฉลิมชัย ระบุอีกว่า หรือถ้าเหตุการณ์กลับกัน ชายไนจีเรียคนดังกล่าวติดฝีดาษลิงจากหญิงที่ตนเองไปใช้บริการ ก็จะมีผู้ใช้บริการคนอื่นติดฝีดาษลิงไปแล้วได้ หวังว่าทีมสอบสวนโรคของจังหวัดภูเก็ต ซึ่งมีความพร้อมและได้ทำงานอย่างเต็มที่ จะได้เร่งดำเนินการสืบหากลุ่มหญิงบริการทั้งหมดดังกล่าว เพื่อทำความเข้าใจ กักตัวและพร้อมที่จะตรวจรักษาทันทีที่แสดงอาการ

 

"ฝีดาษลิง"อาจมีในไทยอยู่แล้ว ก่อนพบผู้ป่วยคนแรกชาวไนจีเรียที่ภูเก็ต

แต่ที่ลำบากกว่านั้นคือ การสืบหากลุ่มลูกค้าที่มาใช้บริการ ให้มาทำความเข้าใจ ตรวจรักษา หรือกักตัวต่อไป มิเช่นนั้นแล้ว แม้ฝีดาษลิงจะแพร่ระบาดได้ยากกว่าโควิดมาก แต่การสัมผัสผ่านการมีเพศสัมพันธ์ จะทำให้การสืบหาตัวยากยิ่งขึ้น เพราะคนที่ไปใช้บริการก็คงไม่ยอมเปิดเผยตัวเองง่ายๆ

 

อย่างไรก็ตาม ฝีดาษลิงติดต่อกันได้ค่อนข้างลำบาก ไม่ได้ผ่านทางอากาศหรือการหายใจ เหมือนเช่นโควิด-19 ผู้ที่จะเดินทางไปท่องเที่ยวภูเก็ต หรือผู้ที่อาศัยอยู่ในภูเก็ตอยู่แล้ว จึงมีความเสี่ยงต่ำมาก ที่จะติดฝีดาษลิง ถ้าไม่ได้ไปสัมผัสโดยตรง หรือมีเพศสัมพันธ์กับผู้ที่ป่วยเป็นฝีดาษลิง