เตือน!โอมิครอน BA.5 ติดเชื้อในเซลล์ปอดมากขึ้น อันตรายแค่ไหน เช็คเลย

11 ก.ค. 2565 | 02:30 น.

เตือน!โอมิครอน BA.5 ติดเชื้อในเซลล์ปอดมากขึ้น อันตรายแค่ไหน เช็คเลยที่นี่มีคำตอบ หมอธีระเผยข้อมูลจากทีมวิจัยจากมหาวิทยาลัยนิวเซาธ์เวลส์ ประเทศออสเตรเลีย

รศ.นพ.ธีระ วรธนารัตน์ (หมอธีระ) คณะแพทยศาสตร์ จุฬาลงกรณ์มหาวิทยาลัย ได้โพสต์ข้อความผ่านเฟซบุ๊ก "Thira Woratanarat (ป๊ามี้คีน)" โดยมีข้อความว่า

 

11 กรกฎาคม 2565  เมื่อวานทั่วโลกติดเพิ่ม 385,329 คน ตายเพิ่ม 484 คน รวมแล้วติดไป 560,585,603 คน เสียชีวิตรวม 6,372,845 คน

 

5 อันดับแรกที่ติดเชื้อสูงสุดคือ อิตาลี ญี่ปุ่น เม็กซิโก ออสเตรเลีย และไต้หวัน
เมื่อวานนี้จำนวนติดเชื้อใหม่มีประเทศจากยุโรปและเอเชียครอง 6 ใน 10 อันดับแรก และ 13 ใน 20 อันดับแรกของโลก

 

จำนวนติดเชื้อใหม่ในแต่ละวันของทั่วโลกตอนนี้ มาจากทวีปเอเชียและยุโรป รวมกันคิดเป็น 68.5% ของทั้งโลก ในขณะที่จำนวนการเสียชีวิตคิดเป็น 60.53%

 

สถานการณ์ระบาดของไทย

 

จากข้อมูล Worldometer เช้านี้พบว่า

 

จำนวนเสียชีวิตเมื่อวาน สูงเป็นอันดับ 8 ของโลก และอันดับ 2 ของเอเชีย แม้สธ.ไทยจะปรับระบบรายงานตั้งแต่ 1 พ.ค.จนทำให้จำนวนที่รายงานนั้นลดลงไปมากก็ตาม

อัพเดต Omicron (โอมิครอน) BA.5

 

"BA.5 มีแนวโน้มติดเชื้อในเซลล์ปอดได้มากขึ้นและแพร่ได้ไวกว่าสายพันธุ์ย่อยเดิม (BA.1, BA.2)"

 

ทีมวิจัยจากมหาวิทยาลัยนิวเซาธ์เวลส์ ประเทศออสเตรเลีย เผยแพร่ผลการศึกษาในห้องปฏิบัติการ ลงใน medRxiv เมื่อวานนี้ 10 กรกฎาคม 2565

 

สาระสำคัญคือ Omicron สายพันธุ์ย่อย BA.5 นั้นมีกลไกการเข้าสู่เซลล์ที่ต่างไปจาก BA.1, BA.2 โดยผ่านตัวรับ TMPRSS2 คล้ายคลึงกับสายพันธุ์เดลตา 

 

โอมิครอน BA.5 ติดเชื้อในเซลล์ปอดมากขึ้น

 

การใช้กลไกตัวรับ TMPRSS2 นี้สะท้อนแนวโน้มที่ทำให้เกิดการติดเชื้อในทางเดินหายใจส่วนล่างได้มากขึ้น คล้ายกับสายพันธุ์เดลตาที่ระบาดมาก่อนหน้า Omicron 

 

นี่อาจใช้เป็นอีกหนึ่งคำอธิบายสำหรับปรากฏการณ์ที่เราเห็นการติดเชื้อ BA.5 แล้วทำให้มีอัตราการเข้ารับการดูแลรักษาในโรงพยาบาลมากขึ้นในประเทศต่างๆ ทั่วโลก

 

การระมัดระวังตัว ป้องกันตัวไม่ให้ติดเชื้อย่อมดีกว่าการใช้ชีวิตด้วยความประมาท

โควิด-19 ไม่ใช่หวัดธรรมดา ไม่กระจอก 

 

แม้ฉีดวัคซีนจะช่วยลดโอกาสป่วยรุนแรงและเสียชีวิต แต่หากไม่ป้องกันตัวให้ดี ก็ยังติดเชื้อได้ ยังป่วยรุนแรงได้ เสียชีวิตได้ และเสี่ยงต่อภาวะผิดปกติอย่าง Long COVID ตามมา

 

สถานะปัจจุบัน ความรู้ทางการแพทย์เกี่ยวกับ Long COVID นั้นยังไม่แจ่มชัดเรื่องธรรมชาติของโรค รวมถึงการรักษาและการป้องกัน 

 

แต่องค์การอนามัยโลกก็ยังคอนเฟิร์มว่า Long COVID is real ซึ่งส่งผลทำให้บั่นทอนคุณภาพชีวิต สมรรถนะการใช้ชีวิตประจำวันและการทำงาน 

 

รวมถึงเป็นภาระค่าใช้จ่ายทั้งต่อผู้ป่วย ครอบครัว และสังคมในระยะยาวได้
ใช้ชีวิตได้ ทำมาหากิน ค้าขาย ศึกษาเล่าเรียนได้ แต่ต้องมีสติ ไม่ประมาท และป้องกันตัวอย่างสม่ำเสมอ

 

ไม่ควรงมงายกับวาทกรรมแบบดราม่าว่า "ยอมติดดีกว่ายอมอดตาย" 

 

เพราะปัจจุบันรัฐเค้าเปิดให้ใช้ชีวิตทำมาหากินได้ 

 

แต่ต้องคอยเตือนให้ป้องกัน เพื่อให้รักตัวเอง ป้องกันตัวเองขณะทำมาหากินด้วย จะได้อยู่รอดปลอดภัย ทำมาหากินไปได้นานๆ 

 

ไม่ต้องเจ็บป่วยจนเสียงาน เสียการ เสียเงิน และพาลนำเชื้อไปแพร่ให้ครอบครัว ลูกหลาน และคนสูงอายุในบ้าน 

 

ควรระลึกไว้ว่า หากตัวเองติด ไม่ใช่แค่ตัวเองที่เป็น แต่คนใกล้ชิดและคนอื่นในสังคมก็พลอยที่จะต้องรับผลกระทบไปด้วย

 

การใส่หน้ากากอย่างถูกต้องนั้นมีความจำเป็นอย่างยิ่งท่ามกลางสถานการณ์เช่นนี้