ประเด็นที่ "แม่แตงโม" ส่งโทรศัพท์มือถือ แตงโม นิดา ให้กับ บังแจ็ค ทำให้รูปหรือคลิปต่างๆ ของดาราสาวหลุดออกมาส่วนหนึ่งถูกนำมาโพสต์ในเฟซบุ๊คของแตงโม ซึ่งภายหลังผุดเฟซบุ๊คใหม่ขึ้นมา
ซึ่งรายการโหนกระแส มีการเชิญนายปริญญา หอมเอนก ผู้เชี่ยวชาญด้านความมั่นคงปลอดภัยไซเบอร์ และระบบเทคโนโลยีสารสนเทศของไทย กับ นายเกิดผล แก้วเกิด ทนายความ มาพูดคุยกันในเรื่องนี้
สรุปได้ว่า กรณีนี้ต้องดูว่าเข้าหลักกฎหมายอะไรบ้าง บังแจ๊คอาจเข้าข่ายผิด พ.ร.บ.คอมพิวเตอร์ฯ คือ การนำเข้าข้อมูลอันเป็นเท็จ แต่บังแจ๊คมีการนำรูปมาโพสต์แล้วบอกว่าตัวเองคือแตงโม ข้อมูลที่เอาเข้าตั้งแต่เปิดเพจอันนี้เป็นเท็จ ข้อมูลที่โพสต์อาจเป็นข้อมูลจริงที่อยู่ในโทรศัพท์ แต่เพจเป็นเท็จ ส่วนแม่แตงโมมีหลักกฎหมาย อาจเข้าข่ายเป็นผู้ใช้ผู้สนับสนุน ตัวการร่วม ถ้าบังแจ๊คทำผิดกฎหมาย แม่ให้ข้อมูล ให้การสนับสนุน ให้การช่วยเหลือ ก่อนหรือขณะกระทำความผิด ก็ถือเป็นผู้สนับสนุน ใช้กระทำความผิดก็เป็นตัวการร่วม
สอดคล้องกับที่ฐานเศรษฐกิจได้พูดคุยกับ รศ.พ.ต.ท.ดร.กฤษณพงศ์ พูตระกูล หรือ อาจารย์โต้ง ผู้ช่วยอธิการบดีและประธานกรรมการคณะอาชญาวิทยา ม.รังสิต ระบุว่า จะต้องพิจารณาโดยส่วนแรกของคนที่มาโพสต์ ถ้าแม่มอบให้บังแจ๊คไม่น่ามีปัญหา แต่นำข้อมูลที่อยู่โทรศัพท์แตงโม ภาพวันเวลาเกิดเหตุ เชื่อมโยงเรื่องราวต่างๆ จนเกิดความสงสัยมากยิ่งขึ้น
พฤติกรรมทำแบบนี้ ต้องมาดูว่าบังแจ๊คต้องการอะไร ซึ่งการนำเข้าข้อมูลแล้วเชื่อมโยงเกี่ยวข้องกับคดี เกี่ยวข้องกับคนที่เสียชีวิต เป็นการหมิ่นเหม่ พ.ร.บ. คอมพิวเตอร์ ฯ ส่วนแม่แตงโมอาจะต้องไปตรวจสอบอีกครั้ง ในทางกฎหมาย ว่าแม่ส่งไปเพื่ออะไร คนนั้นเกียวกับทางคดีไหม ถ้าไม่เกี่ยวอาจจะร่วมเกี่ยวข้องกับการกระทำความผิด แต่แนนอนถือว่าเป็นเรื่องผิดปกติ
“พฤติกรรมการแสดงออกของคน ส่งผลความน่าเชื่อถือของข้อมูล คือคนนั้นพูดแต่ละครั้งน่าเชื่อถือไหม แต่ถ้าครั้งแรกไม่จริง ต่อไปคนก็ไม่เชื่อ ส่งผลความน่าเชื่อถือของข้อมูล ถ้าคุณมีพยานหลักฐานการเสียงชีวิต เช่น คลิปเสียง น่าจะนำมาเปิดเผยเพื่อเป็นระโยชน์ แต่ถ้าไม่มีมาเรียกร้องความสนใจ สังคมยิ่งสับสน ไม่ควรทำ สุดท้ายคนมาปล่อยข้อมูล อีกอย่างมีการนำภาพแตงโม มีแผลต่าง ๆ รอยแดง ไปโยงเรื่องคดี เป็นการไม่ให้เกียรติผู้เสียชีวิต”