อาการลองโควิดโอมิครอนส่งผลกระทบอย่างไร วัคซีนช่วยได้ไหม อ่านเลย

24 เม.ย. 2565 | 04:32 น.

อาการลองโควิดโอมิครอนส่งผลกระทบอย่างไร วัคซีนช่วยได้ไหม อ่านเลยที่นี่ หมอธีระอัพเดทงานวิจัยจาก Taquet M และทีมงาน เผยแพร่ในวารสารการแพทย์ Brain, Behavior, and Immunity

รศ.นพ.ธีระ วรธนารัตน์ (หมอธีระ) คณะแพทยศาสตร์ จุฬาลงกรณ์มหาวิทยาลัย ได้โพสต์ข้อความผ่านเฟซบุ๊ก "Thira Woratanarat (ป๊ามี้คีน)" โดยมีข้อความว่า 

 

การป้องกันตัวไม่ให้ติดเชื้อย่อมดีที่สุด
 

 

ทบทวน Long COVID (ลองโควิด)และอัพเดตเกี่ยวกับผลวัคซีนในการป้องกัน Long COVID ที่ยังมีความไม่แน่นอนนัก

 

ภาวะผิดปกติหลังจากติดเชื้อโรคโควิด-19 (Covid-19) ที่เรียกว่า "Long COVID" หรือ "Post-COVID Syndrome" นั้นจะเป็นปัญหาระยะยาว ทั้งต่อคนที่เป็น สมาชิกในครอบครัว/คนรัก/คนใกล้ชิด ที่ทำงาน และสังคม

 

เกิดขึ้นได้ทั้งคนที่เคยติดเชื้อแบบไม่มีอาการ มีอาการน้อย หรือมีอาการรุนแรง
โอกาสเกิดราว 20-40% ถือว่าเป็นตัวเลขที่สูง

 

ยิ่งหากประเทศใดมีคนติดเชื้อมาก โอกาสเจอผู้ป่วยระยะยาวที่เป็น Long COVID ก็ยิ่งมากเป็นเงาตามตัว

 

แม้มีงานวิจัยบางชิ้นแสดงให้เห็นว่าการฉีดวัคซีนครบ จะช่วยลดโอกาสเกิดภาวะ Long COVID ลงได้ราว 40%

แต่ก็ขึ้นอยู่กับชนิดวัคซีนที่ใช้ และถึงแม้จะลดความเสี่ยงลงได้บ้าง แต่พอคูณเป็นจำนวนผู้ป่วยจริง (absolute number) ที่จะเกิดขึ้นก็ยังคงมหาศาล

 

ล่าสุดมีงานวิจัยจาก Taquet M และทีมงาน เผยแพร่ในวารสารการแพทย์ Brain, Behavior, and Immunity วันที่ 22 เมษายน 2565 ที่ผ่านมา 

 

โดยทำการศึกษาแบบเปรียบเทียบย้อนหลังในประชากรของสหรัฐอเมริกาที่ติดเชื้อโรคโควิด-19 ในช่วงมกราคมถึงสิงหาคม 2564 ที่มีประวัติได้รับและไม่ได้รับวัคซีน

 

จำนวนราวกลุ่มละ 10,000 คน พบว่าอัตราการเกิด Long COVID ไม่ได้แตกต่างกันระหว่างกลุ่มที่ได้รับวัคซีนและไม่ได้รับวัคซีน 

 

อาการลองโควิดโอมิครอนส่งผลกระทบอย่างไร

 

อย่างไรก็ตาม คงต้องมีการวิจัยขนาดใหญ่ที่ทำการศึกษาเรื่องนี้ให้ชัดเจนยิ่งขึ้น ทั้งนี้การป้องกันตัวไม่ให้ติดเชื้อ ถือเป็นเรื่องสำคัญ ไม่ว่าจะได้รับวัคซีนมาแล้วหรือไม่ก็ตาม

 

Long COVID เกิดได้ทุกเพศ ทั้งชายและหญิง ทุกวัย ทั้งเด็กเล็ก เด็กโต วัยทำงาน และคนสูงอายุ

 

เพศหญิงเสี่ยงกว่าเพศชาย

 

ผู้ใหญ่เสี่ยงกว่าเด็ก

 

ป่วยปานกลางและรุนแรง เสี่ยงกว่าป่วยน้อยและไม่มีอาการ แต่ทุกประเภทจะเกิด Long COVID ได้ทั้งสิ้น

ปัจจุบันเชื่อว่ามีกลไกหลายกลไกที่เกิดขึ้นได้

 

  • การมีการติดเชื้อในร่างกายแฝงอยู่ในเซลล์ของอวัยวะต่างๆ (persistent infection)
  • การติดเชื้อทำให้เกิดกระบวนการอักเสบระยะยาวเรื้อรัง (chronic inflammatory process)
  • การติดเชื้อทำให้เกิดการทำงานอวัยวะ/ระบบต่างๆ ของร่างกายที่ผิดปกติไปจากเดิม (organ dysfunction from viral infection)
  • การติดเชื้อทำให้เกิดภูมิต่อต้านตนเอง (autoantibody)
  • การติดเชื้อทำให้เกิดการเสียสมดุลของเชื้อโรคที่อาศัยอยู่ในร่างกาย โดยเฉพาะในทางเดินอาหาร และส่งผลต่อความผิดปกติของอวัยวะและระบบต่างๆ ตามมา (Dysbiosis)

 

Long COVID เป็นความผิดปกติที่เกิดขึ้นกับร่างกายแทบทุกระบบ ตั้งแต่สมอง/ระบบประสาท มีตั้งแต่ความจำเสื่อม คิดวิเคราะห์ลำบากหรือสมรรถนะถดถอยลงกว่าปกติ ปวดศีรษะ วิงเวียนศีรษะ ปัญหาการนอนหลับ และความผิดปกติทางจิต เช่น โรคซึมเศร้า เครียดวิตกกังวล อารมณ์แปรปรวน 

 

ที่หนักหนาและไม่มีใครอยากให้เกิดขึ้นคือ ปัญหาด้านหัวใจและหลอดเลือด ตั้งแต่กล้ามเนื้อหัวใจและเยื่อบุหัวใจอักเสบ หัวใจเต้นผิดจังหวะ หัวใจขาดเลือด หัวใจหยุดเต้น รวมถึงโรคหลอดเลือดสมอง และการอุดตันของหลอดเลือดตามที่ต่างๆ

 

ระบบหายใจมีปัญหา ทำให้เหนื่อยง่าย หอบเหนื่อย เพราะมีความผิดปกติของสมรรถนะของปอดและการแลกเปลี่ยนออกซิเจน

 

ระบบต่อมไร้ท่อ จะเกิดความผิดปกติ ได้แก่ การเกิดโรคเบาหวานในคนที่ไม่เคยเป็นมาก่อน รวมถึงคนที่เคยเป็นเบาหวานมาก่อนก็ประสบปัญหาคุมโรคได้ยากมากขึ้น และปัญหาเกี่ยวกับฮอร์โมนเพศ

 

อาการทางระบบอื่นของร่างกาย ได้แก่ อ่อนเพลียอ่อนล้าจนทำงานไม่ไหว ออกกำลังกายไม่ไหว ผมร่วง และอาการปวดที่ต่างๆ ตามร่างกายทั้งกล้ามเนื้อ กระดูกและข้อ

 

อาการเกิดขึ้นได้ตั้งแต่หลายเดือนไปเป็นปี หรือเป็นแบบถาวร ขึ้นอยู่กับความผิดปกติที่เกิดขึ้น

 

ยังไม่มีวิธีป้องกันหรือรักษาแบบเฉพาะเจาะจง นอกจากการป้องกันตนเองและครอบครัวไม่ให้ติดเชื้อ

 

การป้องกันที่พิสูจน์แล้วว่าได้ผลคือ

 

"ใส่หน้ากากเสมอ เว้นระยะห่างจากคนอื่น พบปะคนเท่าที่จำเป็น ใช้เวลาสั้นๆ เลี่ยงการกินดื่มหรือแชร์ของกินของใช้ร่วมกับผู้อื่น"