อ่านเคล็ดลับ วาเลนไทน์ รักกันยังไงให้ไปกันรอด คำพูดดี-ปรับจูน-ห่างอบายมุข

14 ก.พ. 2565 | 08:00 น.

สสส.ผนึกภาคี ชูแคมเปญ “รักต้องรอด” เสวนาวันวาเลนไทน์ หรือ วันแห่งความรัก แนะ “คำพูดดี” ไม่มุ่งหาคนผิด พร้อมปรับจูน ช่วยเหลือกัน ถอยห่างจากอบายมุข ชวนมอบความรักความปลอดภัยให้คนข้ามทางม้าลาย

วันที่ 14 กุมภาพันธ์ ซึ่งตรงกับวันแห่งความรัก หรือ วันวาเลนไทน์ สำนักงานกองทุนสนับสนุนการสร้างเสริมสุขภาพ (สสส.) ร่วมกับ เครือข่ายพัฒนาคุณภาพชีวิต เครือข่ายเยาวชนลดปัจจัยเสี่ยง มูลนิธิเด็กเยาวชนและครอบครัว มูลนิธิหญิงชายก้าวไกล จัดกิจกรรมรณรงค์ที่เกาะพญาไท อนุสาวรีย์ชัยสมรภูมิ  

 

โดยเป็นกิจกรรมเนื่องในวันแห่งความรัก “วันวาเลนไทน์ 2022” ตอน “รักต้องรอด” พร้อมทั้งขบวนรณรงค์ “มอบความรัก ความปลอดภัยให้กับคนข้ามทางม้าลาย”และจัดแสดงละครสั้นสะท้อนปัญหา “รักยืนหยัด...(ไม่ว่าเจออุปสรรคแค่ไหน) โดยทีมเฉพาะกิจเธียเตอร์ 

 

นางสาวรุ่งอรุณ ลิ้มฬหะภัณ ผอ.สำนักสนับสนุนการควบคุมปัจจัยเสี่ยงทางสังคม สสส. กล่าวว่า เนื่องในโอกาสวันแห่งความรัก สสส.และภาคีเครือข่ายจึงร่วมกันจัดกิจกรรม “รักต้องรอด” เพื่อสื่อสารให้เห็นถึงความสำคัญของคู่ชีวิต สร้างค่านิยมเชิงบวก ลด ละ เลิกปัจจัยเสี่ยงที่มีผลกระทบต่อความสัมพันธ์ไม่ว่าจะเป็นเหล้า บุหรี่ ยาเสพติด และใช้โอกาสนี้รณรงค์มอบความรักสร้างความปลอดภัยให้คนข้ามทางม้าลายด้วย 

อ่านเคล็ดลับ วาเลนไทน์ รักกันยังไงให้ไปกันรอด คำพูดดี-ปรับจูน-ห่างอบายมุข

 

ทั้งนี้ข้อมูลจาก กองป้องกันการบาดเจ็บ กรมควบคุมโรค ปี 2560-2564 พบว่า มีกลุ่มคนเดินถนนถูกรถชนเสียชีวิต ประมาณ 5%  ของผู้เสียชีวิตจากอุบัติเหตุทางถนน และในจำนวนนี้ครึ่งนึง คือ คนข้ามทางม้าลาย หรือประมาณมากกว่า 200 คนต่อปี และอยู่ในพื้นที่กรุงเทพฯ มากสุด และจากการสำรวจพฤติกรรมการหยุดรถบริเวณทางม้าลายใกล้สัญญาณไฟจราจร 12 จุดในกรุงเทพฯของมูลนิธิไทยโรดส์ (ThaiRoads Foundation) ระหว่างวันที่ 25-27 ม.ค.ที่ผ่านมาพบว่ามีเพียง 11% หยุดรถให้คนข้าม แต่อีก 89% ไม่ยอมหยุดรถ โดยเป็นจักรยานยนต์ 92% รถยนต์ 86% และรถโดยสาร 80% 

 

“วาเลนไทน์ปีนี้ แม้จะอยู่ช่วงการระบาดของโควิด-19 การแสดงออกของความรักก็ยิ่งต้องใส่ใจ เพิ่มความห่วงใย และรักอย่างปลอดภัย รักอย่างไม่ประมาท รักอย่างไม่ละเลยและทำร้ายกัน มอบความปรารถนาดีในการดูแลกันในรูปแบบชีวิตวิถีใหม่ สวมหน้ากาก เว้นระยะห่าง และล้างมือบ่อย ๆ รวมถึงลดละเลิกจากอบายมุข และปัจจัยเสี่ยงทั้งปวง  ให้สมกับชื่องานในวันนี้ว่า “รักต้องรอด” สสส. ขอเชิญชวนประชาชนร่วมสร้างวัฒนธรรมความปลอดภัยในการใช้รถใช้ถนน มอบความรัก ความปลอดภัยให้กับคนข้ามทางม้าลาย ลดความสูญเสีย ลดอุบัติเหตุบนท้องถนน” นางสาวรุ่งอรุณ กล่าว

 

นายไพบูลย์ เนียมมณี ชาวชุมชนวัดโพธิ์เรียง เขตบางกอกน้อย กรุงเทพฯ กล่าวว่า ตนเองดื่มเหล้าหนักมาตั้งแต่เป็นวัยรุ่นจนมีภรรยาก็ไม่เคยคิดถึงอนาคตว่าจะเป็นอย่างไร เงินทองหาได้ก็หมดไปกับการซื้อเหล้า เกิดการทะเลาะเบาะแว้ง ทำลายข้าวของ จนได้เข้ารับการตรวจสุขภาพประจำปี แพทย์เตือนว่าสภาพตับเริ่มแย่ ตนจึงลดการดื่มลง แต่พอเจอเพื่อนก็กลับมาดื่มหนักอีกเหมือนเดิม จนกระทั่งได้เข้าร่วมกับเครือข่ายชุมชนวัดโพธิ์เรียงเพื่อรณรงค์ให้คนลด ละ เลิก ปัจจัยเสี่ยง

อ่านเคล็ดลับ วาเลนไทน์ รักกันยังไงให้ไปกันรอด คำพูดดี-ปรับจูน-ห่างอบายมุข

และจุดเปลี่ยนสำคัญคือลูกที่กำลังจะรับปริญญา จึงตัดสินใจเลิกเหล้าเพื่อเป็นของขวัญให้ลูก ดังนั้นวาเลนไทน์ปีนี้ครอบครัวไหนที่ยังอยู่กับปัจจัยเสี่ยงก็ขอเป็นกำลังใจให้สามารถลด ละ เลิกให้ได้ นอกจากช่วยให้ความสัมพันธ์ในครอบครัวดีขึ้น สุขภาพก็ดีขึ้นด้วย 

 

นางพรรณธิ วงศ์พันธ์ ภรรยาเหยื่อเมาแล้วขับ กล่าวว่า เมื่อหลายปีก่อนระหว่างที่ตนและสามีขี่จักรยานยนต์กลับบ้าน ได้ถูกคนเมาขับรถชนแล้วหนี ตนเองได้รับบาดเจ็บไม่มากแต่สามีอาการหนักต้องเข้าไอซียูและไม่สามารถเดินได้ทำให้สภาพครอบครัวต้องเปลี่ยนแปลงครั้งใหญ่ ลูก 2 คน ที่ขณะนั้นอายุ 9 ขวบ และ 7 ขวบต้องมาช่วยกันดูแลพอทุกด้าน ส่วนตนก็ต้องทำงานเพื่อเป็นเสาหลักของครอบครัว เป็นช่วงที่ยากลำบากแต่ทุกคนในครอบครัวไม่มีใครทิ้งกัน ช่วยกันจับมือก้าวข้ามมรสุมชีวิตมาได้

 

อย่างไรก็ตามอยากฝากถึงคนที่ชอบดื่ม ชอบเที่ยว ไม่ควรขับรถเพราะเสี่ยงเกิดอันตรายกับตัวเอง และสร้างความเดือดร้อนให้กับผู้อื่น “ดีที่สุดคือ ดื่มไม่ขับ”ขณะเดียวกันก็ขอเป็นกำลังใจให้กับครอบครัวเหยื่อเมาขับทุกคนว่าอย่าท้อแท้ ล้มได้ก็ลุกได้ 

อ่านเคล็ดลับ วาเลนไทน์ รักกันยังไงให้ไปกันรอด คำพูดดี-ปรับจูน-ห่างอบายมุข

นางสาวเมลินญาน์ ศิวธนัยภัสร์ หรือ ครูจูน ผู้เคยป่วยหนักจนเดินไม่ได้ กล่าวว่า คบหากับแฟนมานาน หลังเรียนจบทำงานหนักทั้งทำขนม และสอนศิลปะ ไม่ค่อยได้พักผ่อน จนร่างกายเริ่มไม่ไหว จนกระทั่งเดินไม่ได้ ถึงยอมไปพบแพทย์ พบว่าเซลล์ภูมิอักเสบ คล้ายกับโรครูมาตอยด์ เป็นผลมาจากการใช้ร่างกายหนักไม่ได้พักผ่อน ใช้เวลารักษาอยู่ 4 เดือน โดยมีแฟนคอยดูแลตลอด พอหายจึงแต่งงานกัน แต่หลังจากนั้น 2 สัปดาห์แฟนถูกใส่ร้ายติดคุก ทำให้ต้องห่างกัน และมีปากเสียงกันขณะเกิดปัญหา นับเป็นมรสุมที่เข้ามาอย่างต่อเนื่อง

 

หลังแฟนออกจากคุกได้มีการปรับความเข้าใจกัน ได้มองเห็นว่าการพูดจาที่บางครั้งหลงลืมนึกถึงจิตใจอีกฝ่าย จึงปรับปรุงพฤติกรรม ช่วยกันแก้ปัญหาไม่โทษว่าเป็นความผิดใคร ดังนั้นขอฝากคู่รักที่กำลังเจอปัญหา ความรักเป็นสิ่งสวยงาม ขอให้ระมัดระวังคำพูด ให้กำลังใจกัน ประคับประคองกันแล้วทุกอย่างจะผ่านพ้นไปได้