ค้านแนวคิดปล่อยติดเชื้อ "โอมิครอน" สร้างภูมิ หมอศิริราชไม่เชื่อไม่ร้ายแรง

05 ม.ค. 2565 | 06:08 น.

ค้านแนวคิดปล่อยติดเชื้อ "โอมิครอน" สร้างภูมิ หมอศิริราชไม่เชื่อไม่ร้ายแรง พร้อมเปิดเหตุผล 3 ประการ ขณะที่ไทยมีผู้ป่วยสะสมแล้ว 2,062 ราย

รายงานข่าวระบุว่า รศ.นพ.นิธิพัฒน์ เจียรกุล (หมอนิธิพัฒน์) หัวหน้าสาขาวิชาโรคระบบการหายใจและวัณโรค ภาควิชาอายุรศาสตร์ คณะแพทยศาสตร์ศิริราชพยาบาล มหาวิทยาลัยมหิดล ได้โพสต์ข้อความผ่านเฟซบุ๊กส่วนตัว (นิธิพัฒน์ เจียรกุล) โดยมีข้อความระบุว่า 
ยอดรวมผู้ป่วยรายวันยังอยู่ที่ราวสี่พันเหมือนสองวันที่ผ่านมา แม้จะเริ่มมีคลัสเตอร์โอมิครอน (Omicron) ใหม่โผล่ขึ้นมาในหลายจังหวัด โดยมีชลบุรีแซง กทม.เข้าป้ายแชมป์กลุ่มไปแล้ว และมีภูเก็ตแทรกเข้ามาติดท็อปไฟ้ว์ ช่างต่างกับปิศาจแดงทีมรักที่อันดับตกลงเรื่อยหลังนัดล่าสุดแพ้คาบ้าน 
สำหรับสำนักแพทย์ริมน้ำ เมื่อวานกิจการดี พบโอมิครอน 9 รายจากที่พบโควิดทั้งหมด 16 ราย พรุ่งพรวดกว่าเท่าตัวจากวันหนึ่งของสัปดาห์ก่อนที่พบ 3 ใน 13 ราย
มีคำถามมาว่าคนที่ป่วยด้วยโควิด-19 (Covid-19) แล้วปอดพังแบบถาวรมีมากน้อยแค่ไหน ข้อมูลจากประสบการณ์ส่วนตัวช่วงเดลตาระบาดหนัก พบราว 0.5% ของผู้ป่วยที่เกิดปอดอักเสบรุนแรง/วิกฤต (ต้องใช้ไฮโฟลว์หรือเครื่องช่วยหายใจนานเกิน 10 วัน) 

ซึ่งถ้าคิดว่าในบรรดาผู้ติดเชื้อ/ผู้ป่วยทั้งหมดมีปอดอักเสบรุนแรง/วิกฤตประมาณ 2% ดังนั้นโอกาสเกิดปอดสูญเสียการทำหน้าที่รุนแรง คือไม่มีการฟื้นตัวหลังจากได้รับการรักษาเต็มที่นานอย่างน้อย 3 เดือนหลังหายจากโควิด จะอยู่ที่ราว 0.01% หรือหนึ่งในหมื่นของคนที่ติดเชื้อ ซึ่งอาจจะสูงกว่าปอดอักเสบจากเชื้อโรคอื่นที่เราเจอมาในอดีต
หญิงอายุ 83 ปี มีเบาหวานเป็นโรคเดิม เกิดปอดอักเสบโควิดรุนแรงเมื่อเดือนสิงหาคมปีที่แล้ว หลังจากฟื้นตัวและออกจากโรงพยาบาลได้ ยังมีภาวะปอดผิดปกติภายหลังโควิด (post-COVID lung disease) ต้องได้รับการรักษาด้วยยากดภูมิกลุ่มสเตียรอยด์และให้ออกซิเจนเสริมที่บ้าน จนเกิดโรคปอดติดเชื้อราแทรกซ้อนต้องใช้เครื่องช่วยหายใจ 

หมอศิริราชไม่เชื่อโอมิครอนไม่รุนแรง
ขณะที่การทำงานของอวัยวะสำคัญอื่นโดยเฉพาะสมอง ไต และหัวใจยังดีอยู่ การตรวจเอกซเรย์คอมพิวเตอร์ปอดรวมแล้วราวสี่เดือนกว่าหลังหายจากโควิด พบว่ายังไม่เกิดการสูญเสียถาวรของเนื้อปอด จึงยังพอมีหวังให้ปอดฟื้นตัวในการปรับเปลี่ยนยากดภูมิรอบใหม่ 

สำหรับความเห็นที่ว่าโอไมครอนไม่ร้ายแรง ดังนั้นปล่อยให้ติดเชื้อตามธรรมชาติมากๆ จะได้มีภูมิวงกว้างและช่วยหยุดการระบาดของโควิด-19 ได้เร็ว ผมไม่เห็นด้วยกับแนวคิดนี้ด้วยเหตุผลสามข้อ
1.แม้ว่าโอมิครอนจะรุนแรงน้อยกว่าเดลตาราวครึ่งหนึ่ง คืออัตราป่วยรุนแรง/วิกฤตราว 2-3% แต่ถ้าคนป่วยหนักนั้นเป็นคนที่เรารักและเราเอาเชื้อมาติดเขาหรือเป็นตัวเราเอง จะไม่เสียใจหรือ?
2.การติดเชื้อตามธรรมชาติโดยไม่มีภูมิบางส่วนต่อสู้ไวรัสไว้ จะเปิดโอกาสให้ไวรัสกลายพันธุ์ในตัวเราได้ โคโรนาไวรัสส่วนใหญ่มาจากสัตว์ เราอาจได้รับมาผสมกับไวรัสนำโควิดในตัวเราทุกเมื่อเชื่อวัน
3.คนป่วยซึ่งไม่มีอาการหรือมีอาการน้อย ก็เกิดกลุ่มอาการลองโควิดได้ แม้โอกาสจะน้อยกว่าคนที่อาการรุนแรง ล่าสุดทีมนักวิจัยจากเดนมาร์ก ติดตามผู้ที่เคยมีการตรวจสมรรถภาพปอดไว้ก่อนป่วย พอป่วยแล้วแม้จะไม่มีอาการหรือมีอาการน้อย  เมื่อร่างกายหายดีแต่พบมีการถดถอยของสมรรถภาพปอดไปจากเดิม เราอยากจะเป็นเช่นนั้นกันหรือ?
ทั้งนี้ "ฐานเศรษฐกิจ" ติดตามข้อมูลการติดเชื้อโอมิครอนในประเทศพบว่า ล่าสุดกระทรวงสาธารณสุข (สธ.) เปิดเผยผลการจำแนกสายพันธุ์เฝ้าระวัง ตั้งแต่เปิดประเทศ วันที่ 1 พฤศจิกายน 64 พบติดเชื้อโอมิครอนสะสมจำนวน 2,062 ราย คิดเป็น 19.08% 
โดยแบ่งเป็นผู้ที่เดินทางมาจากต่างประเทศ 1,150 ราย ติดเชื้อในประเทศ 957 ราย ซึ่งขณะนี้พบการแพร่ระบาดของโอมิครอนแล้วใน 54 จังหวัด และพบการแพร่ระบาดในทุกเขตสุขภาพ