"โอมิครอน" ในไทยระบาดทั่วประเทศไม่เกิน ม.ค. หมอเฉลิมชัยสรุป 6 ข้อมูลล่าสุด

30 ธ.ค. 2564 | 23:10 น.

โอมิครอนในไทยระบาดทั่วประเทศไม่เกินเดือนมกราคม หมอเฉลิมชัยสรุป 6 ข้อมูลล่าสุด ชี้สัดส่วนการติดเชื้อในประเทศจะเพิ่มมากขึ้นต่อเนื่องจนแซงผู้ติดเชื้อสะสมที่มาจากต่างประเทศ

รายงานข่าวระบุว่า น.พ.เฉลิมชัย บุญยะลีพรรณ (หมอเฉลิมชัย) รองประธานกรรมาธิการการสาธารณสุข วุฒิสภา โพสต์ blockdit ส่วนตัว "ร้อยแปดพันเก้ากับหมอเฉลิมชัย" โดยมีข้อความว่า
ติด Omicron (โอมิครอน) เพิ่มวันเดียว 194 ราย รวมสะสม 934 ราย ติดกันเองในประเทศ 357 ราย คิดเป็น 38 %
จากความสามารถของไวรัสกลายพันธุ์ Omicron ที่มีการแพร่ระบาดที่รวดเร็วกว้างขวาง มากกว่าไวรัสสายพันธุ์ Delta (เดลตา) 2-5 เท่า
ทำให้พบการแพร่ระบาดของ Omicron ภายในช่วงเวลาเพียง 1 เดือน กว่า 100 ประเทศทั่วโลกแล้วนั้น
ในอัตราการเพิ่มของผู้ติดเชื้อ ที่เก็บสถิติได้จากประเทศในยุโรป พบผู้ติดเชื้อเพิ่มเป็น 2 เท่า ทุก 3 วัน
 

จนทำให้ตัวเลขในประเทศอังกฤษ ขณะนี้มีการติดโควิดสะสมเป็นอันดับ 4 ของโลก 12.56 ล้านคน เสียชีวิต 1.48 แสนคน
ล่าสุดอังกฤษติดโควิดเพิ่มวันเดียว 183,037 ราย และเป็น Omicron มากถึง 39,923 ราย คิดเป็น 22%
ทำให้ยอดรวม Omicron ในอังกฤษสะสม 210,122 ราย
ส่วนในประเทศฝรั่งเศส ติดโควิดสะสม 9.53 ล้านคน เสียชีวิต 1.23 แสนคน โดยมีการติดเชื้อเพิ่มวันเดียวถึง 208,099 คน
ที่ใช้ตัวเลขของสองประเทศดังกล่าวมาเป็นหลักในการเปรียบเทียบกับประเทศไทย เพราะอังกฤษมีพลเมือง 68 ล้านคน ฝรั่งเศสมี 65 ล้านคน ใกล้เคียงกับประเทศไทยซึ่งมี 70 ล้านคน
ทำให้เห็นภาพชัดเจนว่า  ไวรัส Omicron นั้นได้ระบาดในยุโรปในอัตราเร่ง 2 เท่า ทุก 3 วัน

โอมิครอนยึดครองทั้งประเทศไม่เกินสิ้นมกราคม
เมื่อมาดูเปรียบเทียบในประเทศไทย ก็พบว่าอัตราการติดเชื้อ ได้เร่งเพิ่มขึ้นพอๆกัน กล่าวคือ
20-23 ธันวาคม ติดเชื้อสะสมเพิ่มจาก 97 ราย เป็น 205 ราย คิดเป็น 2.1 เท่า
23-26 ธันวาคม ติดเชื้อสะสมเพิ่มจาก 205 ราย เป็น 514 ราย คิดเป็น 2.5 เท่า
และล่าสุด ติดเชื้อสะสมวันที่ 26-29 ธันวาคม ติดเชื้อสะสมเพิ่มจาก 514 ราย เป็น 934 ราย เพิ่มขึ้น 1.8 เท่า

ที่น่าสนใจคือ การติดเชื้อ Omicron เพิ่มวันเดียว จาก 28 มา 29 ธันวาคมมากถึง 194 ราย และในจำนวนนี้ติดเชื้อในประเทศมากถึง 357 ราย คิดเป็น 38%
จึงทำให้พอจะสรุปข้อมูลล่าสุดเกี่ยวกับ Omicron ได้ดังนี้
1.ไวรัสสายพันธุ์ Omicron คงจะกลายมาเป็นสายพันธุ์หลักในประเทศไทยแน่นอน ในระยะเวลาอีกไม่นานนี้ (ไม่น่าจะเกินสิ้นเดือนมกราคม 2565) เพราะมีอัตราเพิ่มเช่นเดียวกับทั่วโลกโดยเฉพาะตัวเลขในยุโรป
2.สัดส่วนของการติดไวรัส Omicron ในประเทศ (Local Transmission) จะเพิ่มมากขึ้นเป็นลำดับ และในที่สุดจะแซงจำนวนตัวเลขผู้ติดเชื้อสะสมที่มาจากต่างประเทศจะทำให้ไม่สามารถหาเคสเริ่มต้นหรือ Index Case และการจัดทำ Time Line ก็จะไม่ทัน เช่นเดียวกับเหตุการณ์ที่เราเคยประสบมาแล้วในกรณีไวรัสสายพันธุ์เดลตา
3.การแพร่ระบาดของ Omicron เป็นไปรวดเร็วมาก แม้จะมีความรุนแรงน้อยกว่า Delta แต่ด้วยจำนวนผู้ติดเชื้อที่มีมากมาย สุดท้ายก็จะทำให้มีผู้ที่จำเป็นต้องใช้การดูแลรักษาในระบบสุขภาพเพิ่มมากขึ้น และมากกว่าที่ระบบสุขภาพจะดูแลได้ (เราเคยรับมือกับผู้ติดเชื้อได้สูงสุดพร้อมกัน 200,000 ราย หรือติดเชื้อเพิ่มวันละเกือบ 20,000 ราย)

น.พ.เฉลิมชัย บุญยะลีพรรณ
4.วิธีที่จะช่วยทำให้ระบบสุขภาพรับมือไหวคือ ทำให้มีการติดเชื้อต่ำกว่าวันละ 20,000 ราย เพื่อที่จะมีผู้ติดเชื้อ อยู่ในจำนวนที่ระบบสุขภาพจะรับมือไหว โดยการช่วยกันใส่หน้ากากอนามัยตลอดเวลา (กันไวรัส Omicron ได้เช่นเดียวกับไวรัส Delta )
และเมื่อต้องทานอาหาร ขอให้แยกกันทาน (ยกเว้นเฉพาะคนที่อยู่อาศัยในบ้านเดียวกันจริง)
5.เร่งฉีดวัคซีนเข็มที่ 3 โดยเร็ว ให้ได้ 50 ล้านคน ซึ่งน่าจะทำได้ในสามเดือน ส่วนผู้ที่ยังไม่ได้ฉีดเข็มที่ 1 ก็ให้รณรงค์และดำเนินการให้มาฉีดโดยเร็ว
6.ใครที่ไม่แน่ใจว่า ตนเองในช่วงเทศกาลปีใหม่  (31 ธค.64 - 3 มค.65) มีความเสี่ยง เช่น ไปทานอาหารเฉลิมฉลองกับคนอื่น หรือถอดหน้ากากร้องเพลงสังสรรค์ พูดคุยอยู่ในห้องที่ระบายอากาศไม่ดี
ให้กักตัวเองที่บ้านหลังปีใหม่ หรือทำงานแบบเวิร์คฟอร์มโฮม (WFH) 10 วัน จากวันที่ 4-14 มกราคม 2565
ก็จะทำให้อัตราการเพิ่มของผู้ติดไวรัส Omicron ที่ติดกันเองภายในประเทศเป็นไปช้าลง
จะได้ทำให้เรามีเวลามากพอ ที่จะสามารถเร่งฉีดวัคซีนเข็มที่ 3 ได้ทัน และระบบสุขภาพจะสามารถรองรับผู้ติดเชื้อ Omicron ได้