ระทึก! “อนุทิน”ยอมรับ ไทยลุ้นผลตรวจโอมิครอนอีก 97 ราย จ่อต้องใช้ยาแรงสกัด  

21 ธ.ค. 2564 | 04:55 น.

รมว.สธ. “อนุทิน” เผยกำลังรอผลตรวจเชื้อไวรัสโควิดโอมิครอนอีก 97 ราย ยอมรับอาจต้องใช้ยาแรงสกัดแต่จะพยายามเลี่ยงการใช้มาตรการล็อกดาวน์ให้ถึงที่สุด

นายอนุทิน ชาญวีรกูล รองนายกรัฐมนตรี และรมว.สาธารณสุข กล่าววันนี้ (21 ธ.ค.) ว่า ขณะนี้พบว่ามี ผู้ติดเชื้อโควิด-19 ที่อยู่ระหว่างการรอผลตรวจยืนยันว่าจะเป็น สายพันธุ์โอมิครอน หรือไม่อีก 97 ราย ยอมรับว่ากังวลกับสถานการณ์ เพราะพบว่ามีการแพร่ระบาดเร็วกว่าเดิม

 

อย่างไรก็ตาม ขณะนี้ฝ่ายสาธารณสุขอยู่ระหว่างการติดตามสถานการณ์อย่างใกล้ชิด ว่าความอันตรายของเชื้อโควิดโอมิครอนจะทำให้เกิดอาการป่วยเท่ากับสายพันธุ์เดลต้าหรือไม่ โดยคาดหวังว่าความรุนแรงของโรคไม่น่าจะเกินจากเชื้อเดลต้า ซึ่งหากเป็นเช่นนั้นก็ยืนยันได้ว่าประเทศไทยสามารถรับมือได้

 

นอกจากนี้ ยัง้ชื่อว่าวัคซีนเข็ม 3 หรือวัคซีนบูสเตอร์จะป้องกันอาการรุนแรงได้ แต่ต้องไม่ประมาท เพราะเป็นสายพันธุ์ใหม่ แต่ก็ได้เห็นแล้วว่าเพียง 20 วันไทยสามารถยืนยันผู้ป่วยถึงกว่า 60 ราย แม้จะยังต้องรอลุ้นในส่วนที่เหลือ

อนุทิน ชาญวีรกูล รองนายกรัฐมนตรี และรมว.สาธารณสุข

นายอนุทินยังกล่าวด้วยว่า ได้มีการหารือกับทุกฝ่ายที่เกี่ยวข้องแล้ว เห็นว่าประเทศไทยจำเป็นต้องเพิ่มความระมัดระวัง เบื้องต้นยอมรับว่าคงจะต้องใส่ยาแรงไปก่อน จากนั้นเมื่อรับฟังเหตุผลจากผู้เกี่ยวข้องแล้วก็จะมีการผ่อนคลายลงตามความเหมาะสม ส่วนจะถึงขั้นล็อกดาวน์ประเทศหรือไม่นั้น นายอนุทิน ยืนยันว่าขณะนี้ทุกฝ่ายพยายามหลีกเลี่ยงการใช้มาตรการล็อกดาวน์ และจะไม่ออกมาตรการที่ส่งผลกระทบในวงกว้าง โดยจะคำนึงถึงประชาชนส่วนใหญ่เป็นหลัก

      

ส่วนกรณีผู้ประกอบการท่องเที่ยวไม่เห็นด้วยที่รัฐบาลจะยกเลิก มาตรการ Test & Go เพื่อควบคุมการแพร่ระบาดโควิด-19 สายพันธุ์โอมิครอน เนื่องจากผู้ประกอบการแบกรับภาระมามากแล้วนั้น นายอนุทิน กล่าวว่า ต้องหารือร่วมกันอย่างรอบคอบ

 

สำหรับข้อเสนอทางการแพทย์ให้หยุดรับนักท่องเที่ยวจากต่างประเทศ จากการหารือกับทุกฝ่ายแล้วได้ข้อสรุปว่ายังมีนักท่องเที่ยวคงค้างเกือบ 2 แสนคน ต้องดูแลนักท่องเที่ยวกลุ่มนี้ไปก่อน ซึ่งต้องมีการตรวจเชื้อแบบ RT-PCR มากขึ้นทุก 3-5 วัน และรายงานตัวอย่างต่อเนื่อง แต่จากนี้ไปจะเสริมบุคลากรเข้ามาดูแลนักท่องเที่ยวที่เข้ามาอยู่ในประเทศไทยแล้วตามระบบ Thailand pass และ Test&Go ให้หมดก่อน จากนั้นจะมีการปรับเปลี่ยนมาตรการต่อไป รายละเอียดขณะนี้อธิบดีกรมควบคุมโรคกำลังดูแลอยู่

     

พร้อมกันนี้ ได้ย้ำแนวทางรัฐบาลจะต้องดูแลคนไทยให้ปลอดภัย และลดความเสี่ยงในทุกมิติ และทำให้เกิดผลกระทบต่อเศรษฐกิจน้อยที่สุด ย้ำหลังปีใหม่ต้องเข้มงวดตลอดเวลา คนไทยจะต้องมีความระมัดระวัง สิ่งสำคัญที่สุดรัฐบาลจะเร่งฉีดวัคซีนเข็ม 3 เพื่อสกัดการแพร่ระบาด และสร้างภูมิคุ้มกันให้มากที่สุด

ด้านนายธนกร วังบุญคงชนะ โฆษกประจำสำนักนายกรัฐมนตรี เปิดเผยวันเดียวกัน (21 ธ.ค.) ว่า พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรี และรมว.กลาโหม ห่วงเรื่องความเสี่ยงในการแพร่ระบาดโรคติดเชื้อไวรัสโควิด-19 สายพันธุ์โอมิครอนที่พบมากขึ้น แนะให้ประชาชนป้องกันตัวเองขั้นสูงสุด อย่าชะล่าใจในช่วงวันหยุดยาวช่วงเทศกาลปีใหม่ อาจพบการติดเชื้อเป็นกลุ่มก้อนมากขึ้น ขอให้เคร่งมาตรการ COVID Free Setting แนะประชาชนรับวัคซีนให้ครบโดส หลีกเลี่ยงงานปาร์ตี้เพราะจะทำให้เสี่ยงการติดเชื้อมากขึ้น

 

ในช่วงที่ผ่านมาประเทศไทยมีมาตรการรับผู้ที่เดินทางจากต่างประเทศหลายมาตรการด้วยกัน ทั้งการเปิดเงื่อนไข Test & Go มาตรการ Quarantine มาตรการ Sandbox ที่นำร่องไปแล้วนั้น แต่เนื่องจากการแพร่ระบาดของโรคโควิด-19 สายพันธุ์โอมิครอนพบแล้วใน 89 ประเทศ รวมทั้งไทย หลายประเทศได้มีการปรับมาตรการป้องกันควบคุมโรคเพิ่มขึ้น เช่น การชะลอการเดินทางของผู้ที่มาจากต่างประเทศ การล็อกดาวน์ในบางธุรกิจเพื่อลดการแพร่ระบาดเป็นวงกว้างในช่วงเทศกาลคริสต์มาสและปีใหม่ ซึ่งนายกรัฐมนตรีสั่งการให้กระทรวงสาธารณสุขและหน่วยงานที่เกี่ยวข้อง เร่งจัดทำข้อเสนอรูปแบบผู้ที่เดินทางเข้าประเทศ เพื่อเสนอต่อที่ประชุมศูนย์บริหารสถานการณ์โควิด -19 (ศบค.) ครั้งต่อไป ที่คาดว่าจะมีการประชุมในเร็วๆ วันนี้