รอรับเลย! เงินเยียวยาประกันตน ม.33 พื้นที่ 3 จังหวัด โอนเข้าพร้อมเพย์ 9 ส.ค.

08 ส.ค. 2564 | 09:30 น.

เช็กสิทธิ์รับเงินเยียวยา ประกันสังคมมาตรา 33 พื้นที่ 3 จังหวัด "ฉะเชิงเทรา-ชลบุรี-อยุธยา" รมว.แรงงาน ย้ำเงินโอนเข้าพร้อมเพย์ ดีเดย์ 9 สิงหาคมนี้แน่นอน

8 สิงหาคม 2564 หลังจากมติที่ประชุมคณะรัฐมนตรี (ครม.) ที่ผ่านมา อนุมัติเพิ่มกรอบวงเงินโครงการเยียวยานายจ้างและผู้ประกันตนมาตรา 33 ใน 9 ประเภทกิจการ ที่ได้รับผลกระทบจากมาตรการล็อกดาวน์และเคอร์ฟิว ในพื้นที่ควบคุมสูงสุดและเข้มงวด หรือพื้นที่สีแดงเข้ม 29 จังหวัด วงเงินรวม 6 หมื่นล้านบาท โดยเป็นเงินเยียวยาระยะเวลา 2 เดือน เพื่อบรรเทาผลกระทบจากมาตรการการล็อกดาวน์รอบแรกในเดือนกรกฏาคม และล็อกดาวน์รอบ 2 ในเดือนสิงหาคม

9 ประเภทกิจการที่ได้รับการเยียวยา ได้แก่ 1.ก่อสร้าง 2.ที่พักแรมและบริการด้านอาหาร 3.ศิลปะความบันเทิงและนันทนาการ 4.กิจกรรม บริการด้านอื่น ๆ 5.การขายส่ง ปลีก ซ่อมยานยนต์ 6.การขนส่งและสสถานที่เก็บสินค้า 7.กิจกรรมการบริหารและบริการสนับสนุน 8.กิจกรรมวิชาชีพ วิทยาศาสตร์ และกิจกรรมทางวิชาการ 9.ข้อมูลข่าวสารและการสื่อสาร

รอรับเลย! เงินเยียวยาประกันตน ม.33 พื้นที่ 3 จังหวัด โอนเข้าพร้อมเพย์ 9 ส.ค.

3จว.รับเงินเยียวยา 2,500 บาท ดีเดย์ 9 ส.ค.

สำหรับในพื้นที่แดงเข้ม 3 จังหวัด ได้แก่ ฉะเชิงเทรา ชลบุรี และพระนครศรีอยุธยา รัฐบาลได้ตั้งวงเงินเยียวยานายจ้างและผู้ประกันตนมาตรา 33 รอบแรกเป็นวงเงิน 1,522.99 ล้านบาท พร้อมมอบหมายให้สำนักงานประกันสังคมเร่งดำเนินการ ซึ่งกำหนดโอนเงินเยียวยาผ่านพร้อมเพย์ผูกเลขบัตรประชาชนในวันที่ 9 สิงหาคม 2564 ดังนี้

⦁ นายจ้างจะได้รับ 3,000 บาทต่อคนจำนวนลูกจ้างสูงสุดไม่เกิน 200 คน
⦁ ลูกจ้างได้รับ 2,500 บาท

ตรวจสอบสิทธิเพื่อรับเงินเยียวยาจากประกันสังคม ที่นี่

ทั้งนี้การรับโอนเงินเยียวยา จะเช่นเดียวกับกรณีของพื้นที่ 10 จังหวัดที่ได้รับเงินเยียวยาไปเมื่อ 4-6 สิงหาคม ที่ผ่านมา โดยสำนักงานประกันสังคมย้ำว่า นายจ้างบุคคลธรรมดา และผู้ประกันตน จะได้รับเงินเยียวยาผ่านการโอนเข้าบัญชีพร้อมเพย์ผูกกับเลขประจำตัวประชาชนเท่านั้น เพื่อป้องกันความผิดพลาดในการโอนเงินเข้าบัญชี 

รอรับเลย! เงินเยียวยาประกันตน ม.33 พื้นที่ 3 จังหวัด โอนเข้าพร้อมเพย์ 9 ส.ค.

แต่ที่ผ่านมาการโอนเงินเยียวยาให้กับผู้ประกันตน ม.33 ในพื้นที่ 10 จังหวัด ยังพบว่ามีผู้ประกันตนจำนวนหนึ่งตกหล่น เนื่องจากเงินไม่เข้าบัญชี สำนักงานประกันสังคม ได้สรุปสาเหตุดังนี้จาก

  • บัญชีธนาคารไม่ได้ผูกพร้อมเพย์ กับเลขบัตรประชาชน
  • มีบัญชีธนาคารพร้อมเพย์กับเบอร์โทรศัพท์แล้ว ยังไม่ได้เปลี่ยนไปผูกกับเลขบัตรประชาชน
  • บัญชีธนาคารขาดการใช้งานติดต่อนานเกินไป จนถูกปิดบัญชีหรือระงับบัญชีการใช้งานอัตโนมัติ
  • บัญชีธนาคาร ถูกยกเลิกหรือถูกอายัด

นางสาวลัดดา แซ่ลี้ โฆษกสำนักงานประกันสังคม กระทรวงแรงงาน เปิดเผยว่า สำนักงานประกันสังคมได้จ่ายเงินเยียวยารอบแรกไปแล้วเมื่อวันที่ 4-6 สิงหาคม 2564 โดยโอนเงินเข้าบัญชีพร้อมเพย์เลขบัตรประชาชนผู้ประกันตนมาตรา 33 ไปแล้ว จำนวน 2,434,182 บัญชี มีผู้ประกันตนมาตรา 33 ได้รับเงินโอนคนละ 2,500 บาท จำนวน 2,227,900 คน คิดเป็น 92%

แต่ยังมีกลุ่มผู้ประกันตนมาตรา 33 อีกจำนวน 206,282 คน ที่โอนไม่สำเร็จ เนื่องจากสาเหตุผู้ประกันตนยังไม่ได้ผูกพร้อมเพย์เลขบัตรประชาชน จำนวน 190,354 คน คิดเป็น 92% บัญชีปิด จำนวน 9,613 คน คิดเป็น 5% ผูกพร้อมเพย์กับเบอร์โทรศัพท์และสาเหตุอื่น ๆ อีก 3% จึงเป็นสาเหตุให้ผู้ประกันตนยังไม่ได้รับเงินช่วยเหลือในรอบแรก

สำนักงานประกันสังคม จึงแจ้งเตือนให้ผู้ประกันตนมาตรา 33 กลุ่มตกหล่น รีบดำเนินการตรวจสอบและแก้ไขข้อมูลตนเองให้เสร็จสิ้นภายในวันที่ 9 สิงหาคม 2564 นี้ เพื่อที่สำนักงานประกันสังคมจะทำการโอนเงินให้กับผู้ประกันตนมาตรา 33 กลุ่มที่ตกหล่นในวันที่ 13 สิงหาคม 2564

รมว.แรงงานปลื้มเยียวยาแล้วกว่า 2.4ล้านราย

ด้านนายสุชาติ ชมกลิ่น รัฐมนตรีว่าการกระทรวงแรงงาน กล่าวว่า ภาพรวมการจ่ายเงินเยียวยาผู้ประกันตนมาตรา 33 ใน 10 จังหวัด 9 กิจการ เป็นที่น่าพอใจ จากรายงานของประกันสังคมพบว่า โอนเงินแล้ว 2,434,182 ราย เป็นเงิน 6,085,0000,000 บาท ซึ่งไม่มีอะไรติดขัด มีเพียงผู้ประกันตนประมาณ 200,000 รายที่ยังไม่ได้ผูกพร้อมเพย์กับบัตรประชาชน ซึ่งกำลังเร่งดำเนินการให้ผู้พร้อมเพย์กับบัตรประชาชนให้แล้วเสร็จภายในวันที่ 9 สิงหาคมนี้ เพื่อที่จะเริ่มดำเนินการโอนเงินในวันที่ 13 สิงหาคมนี้ โดยผู้ประกันตนสามารถตรวจสอบสิทธิได้ที่เว็บไซต์สำนักงานประกันสังคม www.sso.go.th/eform_news/

ในส่วนของ 3 จังหวัดเพิ่มเติม ได้แก่ ชลบุรี ฉะเชิงเทรา และพระนครศรีอยุธยา จะโอนเงินในวันที่ 9 สิงหาคมนี้

"ผมได้รายงานภาพรวมการจ่ายเงินเยียวยาผู้ประกันตนมาตรา 33 ใน 10 จังหวัด ให้ท่านนายกรัฐมนตรีทราบแล้ว และท่านพอใจในภาพรวมที่สามารถบรรเทาความเดือดร้อนให้แก่พี่น้องประชาชนได้ในระดับหนึ่ง รวมทั้งเป็นการแบ่งเบาภาระค่าครองชีพในครอบครัวให้ก้าวข้ามสถานการณ์โควิดไปให้ได้ ตามนโยบายของรัฐบาลโดยไม่ทิ้งใครไว้ข้างหลัง"นายสุชาติ กล่าวในท้ายสุด