ลุ้นครม.วันนี้ เยียวยาประกันสังคม3 จังหวัดล็อกดาวน์เพิ่ม อีก1 ล้านคน

19 ก.ค. 2564 | 23:35 น.

ครม.วันนี้ อนุมัติประกันสังคม จ่ายเงินเยียวยาเพิ่มเติม ช่วยเหลือนายจ้าง-ลูกจ้าง ผู้ประกันตน มาตรา 33 มาตรา 39 มาตรา 40 ใน 3 จังหวัด พระนครศรีอยุธยา–ชลบุรี-ฉะเชิงเทรา ที่ถูกประกาศให้เป็นพื้นที่ควบคุมสูงสุดและเข้มงวดหรือพื้นที่สีแดงเข้มเพิ่มเติม

จากกรณีที่ศูนย์บริหารสถานการณ์แพร่ระบาดของโรคติดเชื้อไวรัสโคโรนา 2019  (ศบค.)ยกระดับมาตรการล็อกดาวน์ พร้อมประกาศเขตพื้นที่ควบคุมสูงสุดและเข้มงวด หรือพื้นที่สีแดงเข้ม เพิ่มเติมจากเดิม 10 จังหวัดเป็น 13 จังหวัด ประกอบด้วยกรุงเทพมหานคร, ฉะเชิงเทรา, ชลบุรี, นครปฐม, นนทบุรี นราธิวาส, ปทุมธานี, ปัตตานี, พระนครศรีอยุธยา, ยะลา, สงขลา, สมุทรปราการ และสมุทรสาคร มีผลตั้งแต่วันที่ 20 กรกฏาคม 2564

 

แหล่งข่าวจากทำเนียบรัฐบาล เปิดเผยว่า การประชุมคณะรัฐมนตรี (ครม.) ในวันนี้ (20 ก.ค.64) สำนักงานสภาพัฒนาการเศรษฐกิจและสังคมแห่งชาติ (สศช.) จะเสนอมาตรการบรรเทาผลกระทบต่อประชาชน กลุ่มแรงงาน และผู้ประกอบการอันเนื่องมาจากข้อกำหนดตามความในมาตรา 9 แห่ง พ.ร.ก.การบริหารราชการในสถานการณ์ฉุกเฉิน พ.ศ.2548 (ฉบับที่ 28) สาระสำคัญจะปรับปรุงมาตรการการเยียวยาและช่วยเหลือประชาชนที่ได้รับผลกระทบจากการยกระดับมาตรการควบคุมสถานการณ์โควิดที่เพิ่มพื้นที่ควบคุมสูงสุดจาก 10 เป็น 13 จังหวัด ได้แก่ ชลบุรี พระนครศรีอยุธยา ฉะเชิงเทรา

 

ด้านนายสุชาติ ชมกลิ่น รัฐมนตรีว่าการกระทรวงแรงงาน กล่าวว่า กระทรวงแรงงาน ส่งข้อมูลแรงงานใน 3 จังหวัดที่ประกาศเพิ่มเติมให้ สศช.แล้ว ซึ่งเป็นพื้นที่เศรษฐกิจมีแรงงานทั้งในและนอกระบบมาก โดยเฉพาะแรงงานในระบบประกันสังคมตาม ม.33 รวม 1 ล้านคน โดยชลบุรีมากที่สุด 7 แสนคน รองลงมาพระนครศรีอยุธยาและฉะเชิงเทรา รวมกันมากกว่า 3 แสนคน
โดยการเยียวยาในส่วนที่ใช้เงินกู้โควิด-19 เข้าครม. สำหรับการเยียวยานายจ้าง 3,000 บาท/ลูกจ้าง 1 คน ไม่เกิน 200 คน และลูกจ้างตามมาตรา 33 รับเพิ่มเป็น 2,500 บาท/คน

 

"ส่วนกรณีที่มีลูกจ้างได้เข้าตรวจสอบสิทธิ ในเว็บไซต์ประกันสังคมที่ www.sso.go.th แล้วผลระบุว่าไม่ได้รับสิทธิ ขอแจ้งว่าเรื่องนี้ ไม่ต้องกังวล เพราะเป็นลูกจ้าง ตั้งแต่ 28 ก.ค.2564 ย้อนหลังไปมีสิทธิได้รับเงินเยียวยาทุกคน” รมว.แรงงาน กล่าว

ประเภทกิจการที่ได้รับการเยียวยาประกันสังคม  9 สาขา

  • ที่พักแรมและบริการด้านอาหาร โรงแรม, รีสอร์ท, เกสต์ฮ้าส์, ที่พักสัมผัสวัฒนธรรมชนบท, การบริการด้านอาหารในภัตตาคาร/ร้านอาหาร, การบริการด้านอาหารบนแผงลอยและตลาด, การบริการด้าน,การจัดเลี้ยง, การบริการด้านเครื่องดื่มที่มีแอลกอฮอล์เป็นหลักในร้าน
  • การขนส่งและสถานที่เก็บสินค้า การขนส่งผู้โดยสารทางรถโดยสารประจำทางระหว่างกรุงเทพฯ กับจังหวัดอื่น และระหว่างจังหวัด, การขนส่งผู้โดยสารโดยรถยนต์รับจ้าง/แท็กซี่/รถสามล้อเครื่อง,จักรยานยนต์รับจ้าง, การขนส่งสินค้าแช่เย็นหรือแช่แข็งทางถน, การขนส่งสินค้าที่บรรจุในตู้คอนเทนเนอร์ทางถนน
  • การขายส่งและการขายปลีก การซ่อมยานยนต์ ห้างสรรพสินค้า, ซุปเปอร์เซ็นเตอร์, การขายปลีกสินค้าทั่วไป
  • กิจกรรมการบริหารและบริการสนับสนุน ธุรกิจจัดนำเที่ยว, กิจกรรมของมัคคุเทศก์, กิจกรรมการรักษาความปลอดภัย, การบริการทำความสะอาด, การจัดการประชุมและจัดการแสดงสินค้า (event)
  • กิจกรรมวิชาชีพ วิทยาศาสตร์และกิจกรรมทางวิชาการ กิจกรรมของบริษัทโฆษณา, กิจกรรมการออกแบบและตกแต่งภายใน, การตรวจสอบบัญชี, การให้คำปรึกษาด้านภาษี
  • ข้อมูลข่าวสารและการสื่อสาร กิจกรรมการผลิตภาพยนตร์และวีดิทัศน์, กิจกรรมการผลิตรายการโทรทัศน์, กิจกรรมด้านการจัดฉายภาพยนตร์
  • การก่อสร้าง การก่อสร้างอาคารที่พักอาศัย, การก่อสร้างถนน, สะพานและอุโมงค์, การติดตั้งระบบประปาและระบายน้ำ
  • กิจกรรมการบริการด้านอื่น ๆ กิจกรรมสปา, กิจกรรมการแต่งผม, กิจกรรมการดูแลความงาม แต่งเล็บมือและเล็บเท้า, กิจกรรมเกี่ยวกับงานศพและกิจกรรมที่เกี่ยวข้อง
  • ศิลปะ ความบันเทิงและนันทนาการ การดำเนินงานของสถานที่ออกกำลังกาย, กิจกรรมด้านสมสกีฬา, กิจกรรมด้านสวนสนุกและมปาร์ค,กิจกรรมการแสดงโชว์เพื่อความบันเทิงและการนันทนาการ

เงื่อนไขการจ่ายเงินเยียวยาประกันสังคม

 

  • มาตรา 33

นายจ้าง รัฐจ่ายให้ตามจำนวนลูกจ้าง 3,000 บาทต่อคน สูงสุดไม่เกิน 200 คน

ลูกจ้าง รับเพิ่มเป็น 2,500 บาทต่อคน บวกเงินชดเชยรายได้(สูงสุด 7,500 บาท) รวมไม่เกิน 10,000 บาทต่อคน

 

  • มาตรา 39 และมาตรา 40

รับเงินช่วยเหลือ 5,000 บาทต่อคน
อาชีพอิสระ หากขึ้นทะเบียน ม.40 ภายใน ก.ค.64 จะได้รับเงินช่วยเหลือ 5,000 บาทต่อคน

 

กรณีนอกระบบประกันสังคม

นายจ้าง หากลูกจ้างขึ้นทะเบียน ม.33 รับเงินช่วยเหลือตามจํานวนลูกจ้าง 3,000 บาทต่อคน สูงสุดไม่เกิน 200 คน ลูกจ้างสัญชาติไทยรับเงินช่วยเหลือ 2,500 บาทต่อคน

หากไม่มีลูกจ้าง ให้ลงทะเบียน ม.40 รับเงินช่วยเหลือ 5,000 บาทต่อคน
ผู้ประกอบการในระบบ “ถุงเงิน”

 

ขยายความช่วยเหลือใน 5 กลุ่ม ได้แก่ ร้านอาหารและเครื่องดื่ม ร้าน OTOP ร้านค้าทั่วไป ร้านค่าบริการ และกิจการขนส่งสาธารณะ (ไม่รวมกิจการขนาดใหญ่)

 

กรณีมีลูกจ้าง ให้ขึ้นทะเบียน ม.33 ภายในเดือน ก.ค.64 รับเงินช่วยเหลือตามจํานวนลูกจ้าง 3,000 บาทต่อคน สูงสุดไม่เกิน 200 คน ลูกจ้างมาตรา 33 จ่าย 50 เปอร์เซ็นต์ของค่าจ้างรายวัน สูงสุดไม่เกิน 7,500 บาท และจ่ายสมทบให้สัญชาติไทยอีก 2,500 บาทต่อคน ไม่เกิน 10,000 บาทต่อคน

 

หากไม่มีลูกจ้าง ให้ลงทะเบียน ม.40 ภายในเดือน ก.ค.64 รับเงินช่วยเหลือ 5,000 บาทต่อคน

 

ทั้งนี้แรงงานอิสระหรือผู้ประกอบอาชีพอิสระ ที่มีอายุตั้งแต่ 15 ปีแต่ไม่เกิน 65 ปีบริบูรณ์ สามารถสมัครขึ้นทะเบียนเป็นผู้ประกันตนตามมาตรา 40 ด้วยตนเองผ่านมือถือที่เว็บไซต์ www.sso.go.th หรือผ่านเคาน์เตอร์เซอร์วิส (7-11) เคาน์เตอร์ธนาคารเพื่อการเกษตรและสหกรณ์การเกษตร (ธกส.) และที่เคาน์เตอร์บิ๊กซี (Big C) หรือสมัครผ่านผู้แทนเครือข่ายประกันสังคม ทั้งนี้ เมื่อสมัครแล้วสามารถจ่ายเงินสมทบได้ทันที