ครม.ทุ่ม 235 ล้าน หนุน STEM พัฒนาคนสู่ความเป็นเลิศในเอเชียตะวันเฉียงใต้

04 พ.ย. 2563 | 03:06 น.

รัฐบาลอนุมัติงบ 235 ล้านบาทให้ศูนย์สะเต็มศึกษาฯ (STEM) ส่งเสริมการเรียนการสอนด้านวิทยาศาสตร์เทคโนโลยี สร้างแรงบันดาลใจและพัฒนาบุคลากร มุ่งสู่ความเป็นเลิศในเอเชียตะวันออกเฉียงใต้

4 พฤศจิกายน 2563 นางสาวรัชดา ธนาดิเรก รองโฆษกประจำสำนักนายกรัฐมนตรี เปิดเผยผลการประชุมคณะรัฐมนตรีอย่างเป็นทางการนอกสถานที่ (ครม.สัญจร) จังหวัดภูเก็ต วานนี้ (3 พฤศจิกายน) ว่า รัฐบาลมีนโยบายส่งเสริมสะเต็มศึกษา (STEM) เพื่อพัฒนาทรัพยากรมนุษย์ให้มีคุณภาพ สามารถบูรณาการความรู้ทางวิทยาศาสตร์ (Science) เทคโนโลยี (Technology) วิศวกรรมศาสตร์(Engineering) คณิตศาสตร์ (Mathematics) ไปใช้เชื่อมโยงในการดำเนินชีวิต

 

โดยจัดตั้ง ศูนย์ระดับภูมิภาคว่าด้วยสะเต็มศึกษาขององค์การรัฐมนตรีศึกษาแห่งเอเชียตะวันออกเฉียงใต้ หรือ ศูนย์สะเต็มศึกษาฯ ขึ้นเมื่อ พ.ศ.2562 ตามบันทึกความตกลงการจัดตั้งศูนย์สะเต็มศึกษาฯ ระหว่างรัฐมนตรีว่าการกระทรวงศึกษาธิการของไทยและผู้อำนวยการสำนักงานเลขาธิการองค์การรัฐมนตรีศึกษาแห่งเอเชียตะวันออกเฉียงใต้ (SEAMEO) เพื่อพัฒนาศักยภาพและสร้างความเข้มแข็งด้านสะเต็มศึกษา และเป็นศูนย์เผยแพร่ความรู้งานวิจัยเกี่ยวกับสะเต็มศึกษาที่มีคุณภาพทั้งในประเทศไทยและระดับภูมิภาค โดยรัฐบาลไทยสนับสนุนด้านงบประมาณและสถานที่ตั้งในระยะแรก (ปี2562 – 2563)

 

สำหรับการขับเคลื่อนแผนการดำเนินงานระยะ 5 ปี ฉบับที่ 1 (พ.ศ. 2564 - 2568) ครม. ได้อนุมัติกรอบงบประมาณ วงเงินรวม 235.91 ล้านบาท ภายใต้วิสัยทัศน์ “เป็นศูนย์แห่งความเป็นเลิศในระดับภูมิภาคด้านการวิจัยและการพัฒนาศักยภาพด้านสะเต็มศึกษา ที่ส่งเสริมนโยบายและแนวปฏิบัติที่รองรับด้วยงานวิจัย ” ศูนย์สะเต็มศึกษาฯ มีกรอบแนวทางการดำเนินงาน ได้แก่

 

ข่าวที่เกี่ยวข้อง

เช็ก มติครม. 3 พ.ย. แต่งตั้ง-โยกย้าย"ทุกกระทรวง ได้ที่นี่

ครม.เคาะยกเว้นค่าธรรมเนียมจดทะเบียนเครื่องจักร

"ประกันรายได้ข้าว" ปี 2 เช็กที่นี่ สรุปครบจบที่เดียว

"ประกันรายได้ชาวสวนยาง"ปี 2 สรุปรายละเอียดครบจบที่เดียว

 

1.การประเมินและวิจัยเกี่ยวกับสะเต็มศึกษา เพื่อพัฒนาศักยภาพของประเทศและภูมิภาคด้านงานวิจัยเกี่ยวกับสะเต็มศึกษา

2.การพัฒนาสื่อและศักยภาพบุคลากรทางการศึกษา เพื่อการวิจัย พัฒนาและทดสอบสื่อการจัดการเรียนรู้ที่มีคุณภาพในด้านการเป็นผู้นำด้านการจัดการสะเต็มศึกษา โดยมีโครงการที่สำคัญ เช่น โครงการ STEM Career Academies เป็นการสร้างแรงบันดาลใจและเตรียมความพร้อมผู้เรียนสู่โลกอาชีพ และ โครงการ STEM Professional Academy เป็นการพัฒนาบุคลากรทางการศึกษาทั้งในระดับนโยบายและปฏิบัติให้สามารถบริหารจัดการสะเต็มศึกษาในสถานศึกษาได้อย่างมีคุณภาพ

 

3.การให้ข้อเสนอแนะเชิงนโยบาย การสร้างพันธมิตร และ การสื่อสาร เพื่อให้เกิดประโยชน์จากการใช้ข้อมูลฐานวิจัยอย่างต่อเนื่อง เช่น โครงการ Public – Private Partnership Networks เป็นการสร้างเครือข่ายภาครัฐ เอกชน และมหาวิทยาลัยร่วมกันดำเนินโครงการ

นางสาวรัชดา รองโฆษกรัฐบาล ยังกล่าวด้วยว่า ประโยชน์ที่จะได้รับจากแผนการดำเนินงานระยะ 5 ปี คือ

 

1.เกิดการใช้งานวิจัยเชิงนโยบายด้านสะเต็มศึกษาที่สอดคล้องกับการพัฒนาเศรษฐกิจและสังคมของประเทศ

 

2.พัฒนาศักยภาพของบุคลากรและผู้กำหนดนโยบายด้านสะเต็มศึกษา

 

3.พัฒนาสื่อสารเรียนรู้สะเต็มที่เหมาะสมกับบริบทของภูมิภาค

 

และ4.สร้างความเข้มแข็งด้านสะเต็มศึกษาด้วยความร่วมมือระหว่างหน่วยงานที่กำหนดนโยบาย ผู้ปฏิบัติ และภาคเอกชน