"บิ๊กป๊อก"สั่งปิด"สถานบริการ-ผับ-บาร์"ทั่วประเทศวันนี้

20 มี.ค. 2563 | 05:45 น.

"บิ๊กป๊อก" สั่งปิด สถานบริการ-ผับ-บาร์" ทั้งประเทศวันนี้ ชี้ "ผู้ว่าฯ" มีอำนาจปิด "ด่านถาวร" ขอ คนใน "กทม." อย่ากลับต่างจังหวัดเพื่อสกัดการระบาดไวรัสโควิด-19

พล.อ.อนุพงษ์ เผ่าจินดา รัฐมนตรีว่าการกระทรวงมหาดไทย ให้สัมภาษณ์ถึงอำนาจผู้ว่าราชการจังหวัด บัญชาสถานการณ์ป้องกันการแพร่ระบาดเชื้อไวรัสโคโรนาสายพันธุ์ใหม่ หรือโโควิด-19 ว่า ทางศูนย์บริหารสถานการณ์โควิด-19 ได้สั่งการไปที่ผู้ว่าราชการจังหวัด โดยเฉพาะเรื่องการเว้นระยะห่างทางสังคมใกล้ชิด รวมถึงสั่งการให้สถานบันเทิง สถานบริการ สนามมวย ในกรุงเทพฯปิดเวลา 14 วัน สำหรับต่างจังหวัด ให้คณะกรรมการจังหวัดที่มีผู้ว่าฯ เป็นประธานพิจารณาปิดหรือไม่ปิดสถานที่ เช่นที่ จ.พิษณุโลก คณะกรรมการแจ้งว่ายังไม่พบการแพร่ระบาด 

อย่างไรก็ตาม กระทรวงมหาดไทยสั่งการไปถึงทุกจังหวัดตามข้อพิจารณาเรื่องการปิดผับและสถานบันเทิงไปพิจารณาให้ถี่ถ้วนและคาดว่านับตั้งแต่วันนี้ทุกจังหวัดจะปิดสถานบริการ ผับ บาร์ ทั้งหมดทั่วประเทศ 14 วัน

ส่วนที่กระทรวงสาธารณสุขมีประกาศปิดไปแล้วว่า 68 ด่านชายแดน ท่าเรือ ท่าอากาศยาน ขาดเพียงด่านชายแดนถาวร 5 แห่ง ซึ่งกระทรวงมหาดไทยจะไปพิจารณาประกาศปิดเพิ่ม รวมทั้งหมดเป็น 73 แห่ง นอกจากนั้น ได้ปิดจุดผ่อนปรน 51 แห่ง ซึ่งจุดผ่านแดนถาวรจะพิจารณาเท่าที่จำเป็นต่อการสัญจรระหว่างแดนเหลือจังหวัดละหนึ่งแห่ง หรือถ้ามีความจำเป็นผู้ว่าราชการสามารถสั่งปิดได้ทั้งหมด ส่วนจ.เชียงรายที่มีพรมแดนติดกับหลายประเทศ จะยกให้เป็นกรณีพิเศษ สำหรับมาตรการที่จะดำเนินการกับผู้ผ่านเข้าออกต้องพิจารณาอย่างรัดกุมทั้งกับคนไทยและชาวต่างชาติ ที่มาจาก4ประเทศกลุ่มเสี่ยง รวมทั้งบุคคลมาจากประเทศที่มีการระบาดต่อเนื่องจำนวน11ประเทศ ต้องกักตัว14 วัน ซึ่งกำชับให้ทุกจังหวัดดำเนินการอย่างรัดกุม

เมื่อถามว่า จะขอร่วมมือประชาชนในการปฎิบัติตามมาตรการโดยเฉพาะในจุดที่มีการตั้งศูนย์ระดับอำเภอ อย่างไร รมว.มหาดไทย กล่าวว่า ส่วนนี้คงหมายรวมถึงทั้งประเทศ จึงขอความร่วมมือประชาชนให้ทำตามมาตรที่เจ้าหน้าที่กำหนด เช่น หากใครไปในพื้นที่เสี่ยง มาตัองกักตัวเองในที่พัก หากทุกคนช่วยกันก็จะลดการระบาดของโรคได้ เราเน้นย้ำทุกพื้นที่ทั่วประเทศติดตามผู้ที่เข้าข่ายเป็นกลุ่มเสี่ยงมากน้อยแค่ไหน ถ้ากำหนดพื้นที่ได้ก็จะดูแลในพื้นที่ต่างๆ เหล่านี้ได้ หากพบการแพร่ระบาดมากอาจจะมีมาตรการพิเศษในพื้นที่นั้นๆ

เมื่อถามว่า รัฐบาลจะให้ความเชื่อมั่นกับประชาชนอย่างไรในการรับมือสถานการณ์ พล.อ.อนุพงษ์ กล่าวว่า หากประชาชนทำตามที่กระทรวงสาธารณสุขแจ้งไว้ และร่วมมือช่วยกัน เช่น คนที่อยู่ในกลุ่มเสี่ยงที่ที่อยู่ในกรุงเทพฯ และปริมณฑล ก็ไม่ควรก็ไม่ควรเดินทางไปต่างจังหวัด ถ้าช่วยกันก็มั่นใจว่าจะควบคุมได้ และคนในต่างจังหวัดต้องป้องกันอย่างรัดกุม ไม่มีที่ไหนทำสำเร็จถ้าประชาชนไม่ร่วมกันหากจะรอแต่รัฐมาตรวจ แล้วจับไปรักษาอย่างเดียวไม่ได้ เพราะคนที่จะพาเชื้อโรคไปได้คือประชาชน ถ้าลดโอกาสนำพาเชื้อ หมอก็จะดูแลคนเจ็บป่วยได้ง่ายขึ้น ไม่ใช่แค่ถามว่ารัฐพร้อมแค่ไหน อยากให้เหตุการณ์สงบต้องร่วมกัน