กูรูส่องหุ้นไทยสัปดาห์นี้ไม่หลุดแนวต้าน 1,300 จุด รับแรงกดดันจาก DELTA

14 ต.ค. 2568 | 23:00 น.

โบรกประเมินตลาดหุ้นไทยสัปดาห์นี้ยังเผชิญแรงกดดันจาก DELTA ที่อยู่ภายใต้มาตรการ Trading Alert T1 ขณะที่ FED ยังไม่ส่งสัญญาณลดดอกเบี้ย มองดัชนีเคลื่อนไหวในกรอบ 1,270 - 1,300 จุด แนะกลยุทธ์ลงทุนหุ้นอาหาร-หุ้นโรงไฟฟ้า

KEY

POINTS

  • บล.โกลเบล็ก คาดดัชนีหุ้นไทยสัปดาห์นี้เคลื่อนไหวในกรอบ 1,270 - 1,300 จุด โดยมีแนวต้านสำคัญที่ 1,300 จุด
  • ตลาดได้รับแรงกดดันหลักจากหุ้น DELTA ที่อยู่ภายใต้มาตรการ Trading Alert T1 ส่งผลให้เกิดแรงขายในกลุ่มเทคโนโลยี
  • ปัจจัยต่างประเทศยังกดดันตลาดจากการที่ธนาคารกลางสหรัฐฯ (FED) ไม่ส่งสัญญาณลดดอกเบี้ย แต่ยังมีความหวังจากมาตรการกระตุ้นเศรษฐกิจในประเทศ

นางสาววิลาสินี บุญมาสูงทรง ผู้ช่วยกรรมการผู้จัดการ บริษัทหลักทรัพย์ โกลเบล็ก จำกัด หรือ GBS เปิดเผยว่า ประเมินดัชนีตลาดหุ้นไทย (SET Index) ในสัปดาห์นี้ (15 - 17 ต.ค. 68) เคลื่อนไหวในกรอบ 1,270 - 1,300 จุด ท่ามกลางแรงกดดันจากหุ้น DELTA ที่ยังอยู่ภายใต้มาตรการ Trading Alert T1 ส่งผลให้เกิดแรงขายต่อเนื่องในกลุ่มเทคโนโลยี

ประกอบกับจากประเด็นที่ทางประธานธนาคารกลางสหรัฐ (FED) ยังไม่ส่งสัญญาณการปรับลดอัตราดอกเบี้ยเพิ่มเติม ทำให้ตลาดขาดปัจจัยบวกจากฝั่งต่างประเทศ แม้ว่า FedWatch Tool ของ CME Group บ่งชี้ว่านักลงทุนให้น้ำหนัก 94.6% ในการคาดการณ์ว่า FED จะปรับลดอัตราดอกเบี้ย 0.25% สู่ระดับ 3.75 - 4.00% ในการประชุมวันที่ 28 - 29 ต.ค. 68 นี้

ปัจจัยในประเทศยังมีน้ำหนักต่อการพยุงดัชนี โดยเฉพาะการแถลงนโยบายเศรษฐกิจของรัฐบาลไทย ซึ่งอาจมีมาตรการกระตุ้นเศรษฐกิจชุดใหม่ออกมาในสัปดาห์นี้

ทั้งนี้ 'มาตรการคนละครึ่งพลัส' ที่จะเปิดให้ลงทะเบียนวันที่ 20 - 26 ต.ค. 68 และเริ่มทยอยใช้สิทธิได้ตั้งแต่วันที่ 29 ต.ค. ถึง 31 ธ.ค. 68 นั้น จะช่วยกระตุ้นเศรษฐกิจไทยในไตรมาส 4 เติบโต และภาคการท่องเที่ยวที่ขยายตัว ช่วยกระตุ้นการใช้จ่ายในประเทศ และสนับสนุนธุรกิจภาคการค้าและบริการ ส่งผลดีต่อเศรษฐกิจโดยรวม

ด้านสถานการณ์เศรษฐกิจโลกยังเผชิญแรงกดดันต่อเนื่อง โดยเฉพาะจากสหรัฐฯ ที่ยังอยู่ในภาวะชัตดาวน์อย่างยืดเยื้อ ขณะที่การเจรจาระหว่างพรรครีพับลิกันและเดโมแครตเกี่ยวกับร่างกฎหมายจัดสรรงบประมาณชั่วคราวยังไม่มีความคืบหน้า ทำให้ตลาดขาดความมั่นใจในเสถียรภาพทางการคลังของประเทศมหาอำนาจ

ขณะเดียวกัน นายเจอโรม พาวเวล ประธานธนาคารกลางสหรัฐ (FED) กล่าวเปิดการประชุมว่าด้วยธนาคารชุมชน โดยไม่ได้กล่าวถึงแนวโน้มเศรษฐกิจหรือทิศทางนโยบายการเงินของ FED แต่อย่างใด ยิ่งเพิ่มความไม่แน่นอนให้กับตลาดการเงินทั่วโลก

สำหรับเศรษฐกิจไทย ธนาคารซิตี้แบงก์คาดการณ์ว่า GDP ปี 68 จะเติบโตเพียง 2.2% ก่อนจะชะลอลงเหลือ 1.6% ในปี 69 จากแรงกดดันด้านการส่งออกที่ยังไม่ฟื้นตัว การลงทุนภาคเอกชนที่ยังจำกัด และภาคการท่องเที่ยวที่ยังไม่กลับสู่ระดับศักยภาพที่คาดหวัง

และสภาธุรกิจตลาดทุนไทย (FETCO) ประเมินว่า GDP ไทยปีนี้จะเติบโตเพียง 2% โดยครึ่งปีแรกเติบโตแล้ว 3% แต่ครึ่งปีหลังคาดว่าจะโตเฉลี่ยเพียง 1% โดยเฉพาะในไตรมาส 3 และ 4 ที่คาดว่าจะขยายตัวเพียง 1.7% และ 0.3% ตามลำดับ

ปัจจัยในประเทศยังต้องเฝ้าระวัง

  • วันที่ 14 - 21 ต.ค. หุ้นกลุ่มธนาคารส่งงบการเงินงวดไตรมาส 3/2568
  • สัปดาห์ที่ 2 สภาธุรกิจตลาดทุนไทย แถลงผลสำรวจดัชนีความเชื่อมั่นนักลงทุนและอัพเดตสถานการณ์ลงทุน, มหาวิทยาลัยหอการค้าไทย แถลงดัชนีความเชื่อมั่นผู้บริโภค, ดัชนีความเชื่อมั่นหอการค้าไทย
  • สัปดาห์ที่ 3 ส.อ.ท. แถลงดัชนีความเชื่อมั่นภาคอุตสาหกรรม

ปัจจัยต่างประเทศที่ยังเฝ้าติดตาม

  • วันที่ 14 ต.ค. อียู รายงานดัชนีความเชื่อมั่นทางเศรษฐกิจเดือนต.ค., สหรัฐรายงานดัชนีความเชื่อมั่นของธุรกิจขนาดย่อมเดือนก.ย.
  • วันที่ 15 ต.ค. จีน รายงานดัชนีราคาผู้บริโภค (CPI) เดือนก.ย. และดัชนี ราคาผู้ผลิต (PPI) เดือนก.ย., ญี่ปุ่น รายงานการผลิตภาคอุตสาหกรรมเดือนส.ค., อียู รายงานการผลิตภาคอุตสาหกรรมเดือนส.ค., สหรัฐ รายงานดัชนีราคาผู้บริโภค (CPI) เดือนก.ย. ดัชนีภาคการผลิต (Empire State Manufacturing Index) เดือนต.ค.
  • วันที่ 16 ต.ค. ธนาคารกลางสหรัฐ รายงานสรุป ภาวะเศรษฐกิจ หรือ Beige Book, สหรัฐ รายงานดัชนีราคาผู้ผลิต (PPI) เดือนก.ย. ยอดค้าปลีกเดือนก.ย. ดัชนีการผลิตเดือนต.ค. สต็อกสินค้าคงคลังภาคธุรกิจเดือนส.ค. และดัชนีตลาดที่อยู่อาศัยเดือนต.ค. 

นายวัชเรนทร์ จงยรรยง ผู้อำนวยการฝ่ายวิจัย บล.โกลเบล็ก กล่าวเสริมว่า จากปัจจัยที่กล่าวมาข้างต้น ส่งผลให้ฝ่ายวิจัยแนะนำกลยุทธ์การลงทุนในหุ้นกลุ่มอาหารรับอานิสงส์ค่าเงินบาทอ่อนค่า ได้แก่ CPF, TU, ITC, BTG และ TFG ส่งผลให้ราคาหุ้นคึกคัก

รวมถึงหุ้นกลุ่มโรงไฟฟ้า ที่ได้อานิสงส์รัฐบาลไฟเขียวโครงการนำร่อง Direct PPA ดึงต่างชาติลงทุน Data Center และอุตสาหกรรมพลังงานสะอาด คาดเปิดประมูลในเดือนธันวาคม 68 โดยหุ้นที่ได้ประโยชน์ได้แก่ GULF, BGRIM, GPSC, EGCO และ RATCH เป็นต้น