KEY
POINTS
นายปิติ ตัณฑเกษม ประธานเจ้าหน้าที่บริหาร ธนาคารทหารไทยธนชาต จำกัด (มหาชน) หรือ TTB เปิดเผยในงาน Thailand Economic Outlook 2026 "Out of The Trap" จัดโดยกรุงเทพธุรกิจ ในหัวข้อ แก้วิกฤติ "กับดักหนี้" ทางรอดการเงินไทย ว่า ปัญหาหนี้ครัวเรือนไทยไม่ใช่เพราะไม่รู้วิธีแก้ แต่เพราะไม่มีเอกภาพในการลงมือทำ ทั้งที่ทุกฝ่ายรู้ดีว่าต้องจัดการอย่างไร
สาเหตุหลักของการก่อตัวหนี้ครัวเรือน มาจาก รายได้ที่ลดลงสวนทางกับค่าใช้จ่ายที่เพิ่มขึ้น ส่งผลให้หนี้โตเร็วกว่ารายได้ และช่องว่างระหว่างรายได้กับรายจ่ายขยายกว้างขึ้นอย่างน่ากังวล โดยหนี้ครัวเรือนแบ่งเป็น 3 กลุ่มหลัก แบ่งออกเเป็
ขณะที่หนี้นอกระบบ ยังอยู่นอกเรดาร์และอาจทำให้สัดส่วนหนี้รวมเกิน 100% ของ GDP
เมื่อพิจารณาหนี้ที่ไม่ก่อให้เกิดรายได้ (NPL) พบว่า ธนาคารพาณิชย์มีคุณภาพสินเชื่อดีที่สุด ขณะที่ SFI และ Non-bank มีระดับ NPL สูงขึ้นตามลำดับ ปัญหาหลักคือ การกำกับดูแลที่กระจัดกระจาย ที่ยังไม่เท่าเทียม
โดย ธปท. ดูแลเฉพาะธนาคาร, กระทรวงเกษตรดูแลสหกรณ์, กระทรวงการคลังดูแล SFI และ กยศ., ส่วนหนี้นอกระบบอยู่ในความรับผิดชอบของกระทรวงมหาดไทย หรืออาจไม่มีใครดูแลเลย
ทั้งนี้ ตัวเลขหนี้ครัวเรือนต่อ GDP ที่ลดลงเหลือ 86.8% อาจไม่ใช่สัญญาณดี เพราะเกิดจากสินเชื่อธนาคารหดตัวหลายไตรมาสติดต่อกัน ภายใต้นโยบาย Responsible Lending และความเสี่ยงที่ธนาคารแบกรับได้จำกัด ดอกเบี้ยต่ำกว่า SFI หรือ Non-bank
ประกอบกับเศรษฐกิจซบเซา ทำให้ความต้องการสินเชื่อบ้านและรถยนต์หดตัว ขณะที่สินเชื่อส่วนบุคคลยังขยายตัว เพราะประชาชนกู้เพื่อใช้จ่ายมากกว่าการกู้เงินมาเพื่อลงทุนต่อยอด
ในระยะสั้น รัฐบาลมุ่งแก้ปัญหากลุ่มหนี้เสียรายเล็ก ซึ่งมีวงเงินต่ำกว่า 100,000 บาท คิดเป็น 70% ของลูกหนี้เสียทั้งหมด แต่เป็นเม็ดเงินเพียง 14% ของยอดหนี้เสียรวม 2.1 ล้านล้านบาท การปลดล็อกกลุ่มนี้จะช่วยคืนอิสรภาพทางการเงินให้คนส่วนใหญ่ได้โดยใช้ทรัพยากรไม่มาก ไม่ว่าจะผ่านการตั้ง AMC เฉพาะกิจ หรือกลไกอื่นๆ ก็ตาม
ส่วนแนวทางระยะยาวนั้น ขอเสนอ 3 เสาหลักแห่งความยั่งยืนทางการเงิน ได้แก่
หากรัฐบาลเริ่มกลัดกระดุมเม็ดแรกได้ถูกทาง หากสามารถแก้หนี้เสีย 70% ให้หลุดจากระบบ และเดินหน้าระบบเครดิตสกอร์ได้จริง จะเป็นการคืนแรงซื้อให้คนไทย 60-70 ล้านคน และพาประเทศไทยก้าวพ้นจากกับดักหนี้อย่างแท้จริง