นายกิจพณ ไพรไพศาลกิจ รองกรรมการผู้จัดการ ฝ่ายวิเคราะห์หลักทรัพย์ บริษัทหลักทรัพย์ ยูโอบี เคย์เฮียน (ประเทศไทย) จำกัด (มหาชน) เปิดเผยกับ "ฐานเศรษฐกิจ" ว่า ประเมินภาพรวมธุรกิจเกี่ยวเนื่องกับการท่องเที่ยวและโรงแรมในช่วงไตรมาส 3/68 คาดว่าผลประกอบการของหุ้นกลุ่มดังกล่าวจะดีกว่าเมื่อเทียบกับไตรมาส 2/68
แม้ว่าทั้งไตรมาส 2 และ 3 ของทุกปีจะเป็นโลวซีซันของธุรกิจการท่องเที่ยว แต่ด้วยในช่วงปลายเดือนส.ค.-ก.ย. จะมีการจัดกิจกรรม (Event) FIVB Volleyball women’s world 2025 ที่จะเป็นปัจจัยดึงดูดนักท่องเที่ยวกำลังซื้อสูง อีกทั้งยังช่วยสร้างความภาพลักษณ์ที่ดี ให้กับการท่องเที่ยวประเทศไทย
นอกจากนี้ ในช่วงที่ผ่านมาราคาหุ้นปรับฐานลงไปค่อนข้างมากกว่า 30-40% ทำให้ Valuation ของหุ้นในปัจจุบันอยู่ในระดับที่ค่อนข้างมีความน่าสนใจ รวมถึงตลาดรับรู้ถึงผลการดำเนินงานในไตรมาส 2/68 ที่ออกมาไม่ดีดั่งคาดไปมากแล้ว
ส่งผลให้หุ้นกลุ่มการท่องเที่ยวกลับมามีความน่าสนใจอีกครั้ง โดยทางฝ่ายค่อนข้างมีมุมมองเชิงบวกต่อ CENTEL และ SPA แม้ว่าในไตรมาส 3/68 จะเข้าโลวซีซัน แต่หากมองภาพในระยะยาวผลประกอบการยังคงมีการเติบโตที่ค่อนข้างดีอยู่
ในขณะที่หุ้นกลุ่มสายการบินมองว่าในช่วงครึ่งหลังปี 68 ยังดูมีความเสี่ยงจากต้นทุนเชื้อเพลิงที่ดูมีความไม่แน่ไม่นอนสูง ทำให้การบริหารจัดการต้นทุนอาจต้องเผชิญกับความท้าทาย
นายวทัญ จิตต์สมนึก ผู้อำนวยการฝ่ายวิเคราะห์กลยุทธ์ บริษัทหลักทรัพย์ พาย จำกัด (มหาชน) บล.พาย ให้มุมมองต่อหุ้นการท่องเที่ยวและโรงแรมว่า ในปี 68 จำนวนนักท่องเที่ยวต่างชาติสะสม (1 ม.ค. – 27 ก.ค.) หดตัว 6% เทียบช่วงเดียวกันกับปีก่อนอยู่ที่ 19 ล้านคน เพราะนักท่องเที่ยวชาวจีนสะสมที่ลดลงอย่างมากอยู่ที่เพียง 2.6 ล้านคน (-35% เทียบช่วงเดียวกันกับปีก่อน) คาดว่าเป็นมาจากความกังวลต่อความปลอดภัยในการท่องเที่ยว
ทั้งนี้ อ้างอิงจากผลสำรวจชาวจีนใน Dragon Trial Internation (เม.ย. 68) พบว่าอัตราความรู้สึกไม่ปลอดภัยต่อประเทศไทยเพิ่มสูงขึ้น 13 ppts เทียบช่วงเดียวกันกับปีก่อน หลังเหตุการณ์ลักพาตัวนักแสดงชาวจีน การปราบปรามธุรกิจสีเทา รวมถึงเหตุการแผ่นดินไหวในครึ่งแรกปี 68
"มองว่านักท่องเที่ยวไทยในช่วงครึ่งหลังปี 68 มีโอกาสฟื้นตัวจำกัด จากนักท่องเที่ยวชาวจีนที่ฟื้นตัวชะลอตัว ประกอบกับเหตุการณ์ความขัดแย้งระหว่างไทยและกัมพูชาที่มีความรุนแรงอาจกระทบต่อจำนวนนักท่องเที่ยวต่างชาติอื่นชะลอการเดินทางมาไทยได้ เราคาดนักท่องเที่ยวต่างชาติในปี 68 จะอยู่ที่เพียง 35 ล้านคน ต่ำกว่าเป้าเดิมกระทรวงการท่องเที่ยวและกีฬาที่ 40 ล้านคน"
ทำให้ทางฝ่ายให้น้ำหนักการลงทุนเท่ากับตลาด แม้คาดจำนวนนักท่องเที่ยวต่างชาติจะลดลงเทียบช่วงเดียวกันกับปีก่อน แต่มองพื้นฐานกลุ่มการท่องเที่ยวของไทยยังแข็งแกร่ง ทำให้มีโอกาสฟื้นตัวได้ในระยะยาว และ Valuation ไม่แพง โดยค่าเฉลี่ยกลุ่มฯ (MINT, CENTEL, ERW, AWC, SHR, VRANDA และ DUSIT) ในปี 68 ซื้อขาย EV/EBITDA 11x และ PE 20 เท่า (-1 SD ของค่าเฉลี่ยกลุ่มฯ ใน 10 ปี)
แต่ด้วยเศรษฐกิจที่แนวโน้มชะลอตัวในระยะสั้นถึงกลาง คาดยังส่งผลกระทบเชิงลบต่อกำลังซื้อและการบริโภคในประเทศ ดังนั้น จึงชอบ MINT เป็นหุ้นเด่น เนื่องจาก
ในขณะที่ ERW มีความน่าสนใจจากคาดกำไรกลับมาขยายตัวแกร่ง 20% ในปี 69 หนุนจาก 1) คาดจำนวนนักท่องเที่ยวต่างชาติจะเพิ่มขึ้นเป็น 36 ล้านคน 2) การเปิดสาขา Hop Inn คาดจะผลักดันรายได้เติบโตมากขึ้น
บล.เอเซียพลัส ระบุว่า จากตัวเลขคาดการณ์ของ สมาคมไทยธุรกิจการท่องเที่ยว (ATTA) ที่ 9 ล้านคน สูงกว่าสมมติฐานฝ่ายวิจัยที่ 5.5 ล้านคน และ ธปท. ที่ 6 ล้านคน เมื่อเทียบกับปี 68 ที่ 5 ล้านคน (ตัวเลขนักท่องเที่ยวจีนมาไทยสัปดาห์ 21 – 27 ก.ค. 68 กลับมาแตะ 1 แสนคนอีกครั้ง หลังระดับ 1 แสนคน ครั้งก่อน คือช่วง ต้น พ.ค. ที่เป็นวันหยุดแรงงาน)
โดยปัจจัยสนับสนุนตัวเลขข้างต้น ในมุมฝ่ายวิจัย นอกจากการทำการตลาดของภาครัฐ ยังขึ้นอยู่กับการสร้างความเชื่อมั่นด้านความ ปลอดภัยให้กับนักท่องเที่ยว ซึ่งปัจจุบันภาครัฐเดินหน้ายกระดับความปลอดภัย เพื่อ เรียกความเชื่อมั่นให้กับนักท่องเที่ยว ทั้งตำรวจท่องเที่ยว 24 ชั่วโมง พร้อมให้ความ ช่วยเหลืออย่างรวดเร็ว รวมถึงกล้อง AI สร้างภาพลักษณ์จุดหมายปลอดภัยระดับโลก
ขณะที่การเดินหน้าเป็นจุดหมายการจัดงาน Event ต่างๆ ทั้งที่อยู่ระหว่างตกลง รายละเอียด อย่าง Tomorrow land และการเสนอตัวเป็นเจ้าภาพจัด F1 โดย Event ที่ ได้รับการยืนยันแล้ว เริ่มด้วย FIVB Volleyball women’s world 2025 ในวันที่ 22 ส.ค. -7 ก.ย. 68 (จัดที่ กรุงเทพฯ เชียงใหม่ ภูเก็ต นครราชสีมา) และต่อด้วยซีเกมส์ ช่วง ธ.ค.
ส่วนปีหน้า ได้แก่ การจัดประชุม Word bank ช่วง ต.ค. 69 ภาพรวมการจัด Event นอกจากจะเป็นปัจจัยดึงดูดนักท่องเที่ยวกำลังซื้อสูง ยังช่วยสร้างความภาพลักษณ์ที่ดี ให้กับการท่องเที่ยวประเทศไทย
โดย Event ข้างต้นหนุนโรงแรมที่มีพอร์ตใน กรุงเทพฯ พัทยา อย่าง ERW (สัดส่วน รายได้กรุงเทพฯ และ พัทยา ที่ 55% และ 14% ของรายได้ ตามลำดับ) และ CENTEL (สัดส่วนรายได้กรุงเทพฯ และ พัทยา ที่ 23% และ 10% ของรายได้โรงแรม ตามลำดับ)
ทางฝ่ายวิจัยเลือก THAI และ CENTEL เป็นหุ้นเด่นของกลุ่มฯ ด้าน ERW ชอบในเชิงกลยุทธ์หลัง ราคายัง Laggard กลุ่มฯ ส่วน AOT ราคาหุ้นรับกระแสข่าวการขึ้น PSC พอควรแล้ว ทำให้ Forward PER ซื้อขายที่ 29 เท่า สูงกว่าหุ้นสนามบินในต่างประเทศ ซึ่งมี Forward PER ราว 20 เท่า หากราคาปรับขึ้นจากมุมมอง ATTA แนะนำลดน้ำหนักลงทุน
บล.ดาโอ (ประเทศไทย) ระบุว่า จากการคาดการณ์ตัวเลขนักท่องเที่ขวของ ATTA ทำให้ทางฝ่ายมองเป็นบวกต่อประเด็นดังกล่าวกับกลุ่มท่องเที่ยว ซึ่งเชื่อว่าจำนวนนักท่องเที่ยวจีนได้ผ่านจุดต่ำสุดไปแล้วในช่วง ไตรมาส 2/68 ที่ระดับ 8.7 พันคนต่อวัน โดยหลังจากนี้จะเริ่มทยอยฟื้นตัวได้อย่างต่อเนื่อง
โดยสัปดาห์ล่าสุด (21-27 ก.ค. 68) ซึ่งอยู่ที่ระดับ 1.5 หมื่นคนต่อวัน ขณะที่ภาครัฐเริ่มมีนโยบายกระตุ้นนักท่องเที่ยวจีนมากกขึ้นทั้งจากให้งบประมาณสนับสนุนเที่ยวบินเช่าหมาลำและให้ส่วนลดหากพักเกิน 4 คืน ซึ่งเราเชื่อว่าจะกระตุ้นให้นักท่องเที่ยวกลับมาได้ โดยเฉพาะช่วง High season ในไตรมาส 4/68
ทั้งนี้ หุ้นที่ได้รับประโยชน์จากนักท่องเที่ยวจีนที่เพิ่มขึ้นเรียงลำดับจากมากไปน้อยตามสัดส่วนรายได้จากจีน ได้แก่ ERW, CENTEL, MINT และ SHR นอกจากนี้ ระยะสั้นยังมีงาน FIVB Volleyball Women’s World ซึ่งจะจัดวันที่ 22 ส.ค.-7 ก.ย. 68 ซึ่งน่าจะหนุนให้จำนวนนักท่องเที่ยวโดยรวม และจีนจะเพิ่มขึ้นจากสัปดาห์ห่อนต่อได้ในเดือน ส.ค.- ต้น ก.ย. 68 ได้
คงประมาณการจำนวนนักท่องเที่ยวรวม/นักท่องเที่ยวจีนปี 68 ที่ 34.5 ล้านคน/5 ล้านคน ทางฝ่ายยังคงประมาณการจำนวนนักท่องเที่ยวรวมปี 68 จะอยู่ที่ 34.5 ล้านคน ลดลง -3% เทียบช่วงเดียวกันกับปีก่อน และคาดจำนวนนักท่องเที่ยวจีนจะอยู่ที่ 5 ล้านคน ลดลง -26% เทียบช่วงเดียวกันกับปีก่อน โดยคาดว่านักท่องเที่ยวจีนจะเริ่มฟื้นได้อย่างชัดเจนในไตรมาส 4/68
ทางฝ่ายให้น้ำหนักการลงทุนเป็นเท่ากับตลาด โดย Top pick ของกลุ่มเลือก CENTEL (ซื้อ/เป้า 29.00 บาท) จาก valuation ซื้อขายที่ 2025E EV/EBITDA ที่ 9x (-1.75SD below 10-yr average EV/EBITDA) ถูกกว่า ERW ที่ 11x ขณะที่ไม่มีปัจจัย Overhang อย่าง ERW
นอกจากนี้คาดว่าแนวโน้มกำไรไตรมาส 3/68 จะฟื้นตัวจากไตรมาสก่อน ได้ตามยอด Booking ที่เพิ่มขึ้น และฟื้นตัวเด่นในไตรมาส 4/68 จากการเปิดอาคารผู้โดยสารใหม่ที่สนามบินมัลดีฟส์และนักท่องเที่ยวจีนฟื้นตัว