บริษัทหลักทรัพย์ อินโนเวสท์ เอกซ์ (InnovestX) มองว่า ไตรมาส 3/68 เศรษฐกิจโลกยังคงเผชิญแรงกดดันจากภาวะ "Mild Stagflation" เงินเฟ้อสหรัฐยังสูงและความไม่แน่นอนจากสงครามการค้า ขณะที่เศรษฐกิจไทยเปราะบางจากหนี้ครัวเรือน การเมือง และการบริโภคชะลอตัว โดย ธปท.อาจลดดอกเบี้ยอีก 2 ครั้งในปีนี้เพื่อพยุงเศรษฐกิจ
ทั้งนี้ InnovestX คงเป้า SET ที่ 1,250 จุด แนะจุดเข้าซื้อที่ต่ำกว่า 1,100 จุด พร้อมคัดหุ้นเด่นพื้นฐานแกร่ง ได้แก่ BCH, CPF, DIF, MTC และ SCC
สำหรับตลาดต่างประเทศ แนะนำกระจายพอร์ตอย่างรอบคอบ จากมุมมองต่อ upside ที่จำกัด และความผันผวนที่ยังสูง โดยเน้นกลุ่มหุ้นคุณภาพที่มีรายได้และกำไรเติบโตอย่างสม่ำเสมอ โดยเฉพาะกลุ่มเชิงรับ สาธารณูปโภคและกลุ่มสื่อสาร
นอกจากนั้นตลาดเกิดใหม่ในเอเชียบางประเทศยังคาดว่า จะให้ผลตอบแทนที่ดีได้ต่อ กลยุทธ์หลักคือการกระจายความเสี่ยงผ่านสินทรัพย์คุณภาพ เพื่อรับมือความผันผวนและสร้างผลตอบแทนอย่างยั่งยืนในระยะยาว
นายปิยศักดิ์ มานะสันต์ หัวหน้านักวิจัยเศรษฐกิจ InnovestX กล่าวว่า ไตรมาส 3 นี้คาดว่าเศรษฐกิจโลกจะเผชิญความเสี่ยงต่อเนื่องจากสงครามการค้า เศรษฐกิจสหรัฐจะชะลอลงจากผลกระทบภาษีศุลกากร คาดธนาคารกลางสหรัฐ (เฟด) จะไม่ลดดอกเบี้ย และเงินเฟ้อจะเพิ่มสู่ 3.6%
ต้องจับตาเงินเฟ้อ การบริโภค และการจ้างงานใกล้ชิด ส่วนจีนแม้จะมีแนวโน้มชะลอ แต่มาตรการกระตุ้นเศรษฐกิจจะช่วยพยุง
ขณะที่ไทยเผชิญความเสี่ยงหลายด้านโดยเฉพาะอัตราภาษี Reciprocal Tariff ที่ประกาศ ณ วันที่ 7 ก.ค. อาจทำให้ GDP ของไทยในปีนี้เติบโตเพียง 1.4% (สมมุติฐานภาษี Reciprocal Tariff ที่ 15%) ชะลอลงอย่างมีนัยสำคัญ
ทั้งนี้ InnovestX มองว่าข้อตกลงการค้าสหรัฐฯ-เวียดนามเมื่อวันที่ 2 ก.ค. 68 อาจเป็นฐานสำหรับการเจรจาการค้าของไทย โดย
หากการเจรจาสำเร็จทำให้ภาษีลดลงเหลือ 15-20% ก็คาดว่า GDP ของไทยจะเติบโต 1.1-1.4% ในปี 68 (ความน่าจะเป็น 30%) แต่หากภาษี 21-28% GDP จะขยายตัว 1.0-0.0% (ความน่าจะเป็น 50%) ส่วนในสถานการณ์ที่เลวร้ายที่สุด หากต้องเผชิญภาษี 29-36% GDP อาจหดตัวที่ (-0.1%)-(-1.1%) (ความน่าจะเป็น 20%)
ทั้งนี้ หากไทยต้องลดภาษีนำเข้าจากสหรัฐเป็น 0% เช่นเดียวกับเวียดนาม ภาคเกษตรกรรมจะได้รับผลกระทบรุนแรงที่สุด โดยเฉพาะเกษตรกรผู้ปลูกข้าวโพด ถั่วเหลือง และผู้เลี้ยงสัตว์ที่จะต้องแข่งขันกับสินค้าเกษตรสหรัฐฯ ที่มีต้นทุนต่ำและได้รับการสนับสนุนจากรัฐบาล
ขณะที่ภาคอุตสาหกรรมจะมีผลกระทบแตกต่างกัน โดยภาคยานยนต์จะเผชิญการแข่งขันที่เข้มข้นขึ้นจากรถยนต์ SUV และรถกระบะอเมริกัน แต่จะได้ประโยชน์จากการเข้าถึงเทคโนโลยีชั้นสูง
โดยภาคเครื่องจักรและอุปกรณ์จะได้ประโยชน์จากการเข้าถึงเทคโนโลยีที่ทันสมัยในราคาที่ถูกลง ภาคพลังงานและปิโตรเคมีจะลดต้นทุนจากการนำเข้า LNG และวัตถุดิบปิโตรเคมีในราคาที่ถูกลง ส่วนภาคอาหารแปรรูปจะเผชิญการแข่งขันที่เพิ่มขึ้นจากผลิตภัณฑ์นำเข้าจากสหรัฐ แต่ผู้บริโภคจะได้ประโยชน์จากราคาที่ลดลงและมีตัวเลือกหลากหลายขึ้น
อย่างไรก็ตาม สหรัฐฯ ยังเปิดทางสำหรับการเจรจา หลังจดหมายที่ส่งแจ้งผู้นำประเทศต่าง ๆ ระบุวันบังคับใช้ภาษีออกไปเป็น 1 ส.ค. 68 รวมถึงในวันที่ 31 ก.ค. 68 ศาล Federal Circuit จะพิจารณาเกี่ยวกับอำนาจของประธานาธิบดีทรัมป์ในการปรับขึ้นภาษีตอบโต้
จากปัจจัยทั้ง 2 ที่ได้กล่าวมา มองว่า สถานการณ์เกี่ยวกับการขึ้นภาษีของสหรัฐยังมีความไม่แน่นอนสูง แนะนำให้ชะลอการลงทุนไปก่อนเพื่อรอติดตามสถานการณ์ หากมีสัญญาณบวกจากการเจรจาหรือคำตัดสินของศาล ก็จะเป็นโอกาสในการเข้าลงทุนในสินทรัพย์เสี่ยงต่อไป
ด้านนายสิทธิชัย ดวงรัตนฉายา หัวหน้านักกลยุทธ์การลงทุน InnovestX คงเป้าหมายดัชนี SET Index ปี 68 ที่ระดับ 1,250 จุด โดยมองว่าระดับต่ำกว่า 1,100 จุดน่าสนใจเข้าซื้อ การฟื้นตัวของตลาดยังต้องอาศัยนโยบายการเงินผ่อนคลาย การเร่งลงทุนภาครัฐ และเสถียรภาพของสภาพคล่องในระบบ
กลยุทธ์สำคัญสำหรับช่วงไตรมาส 3/68 คือการคัดเลือกหุ้นรายตัวที่มีพื้นฐานแข็งแกร่ง ทั้งในด้านงบดุล รายได้ที่หลากหลาย Valuation ที่เหมาะสม และโอกาสรับอานิสงส์จากเมกะเทรนด์การลงทุนในประเทศและการค้าโลกที่ฟื้นตัว หุ้นเด่นที่เราคัดเลือก ได้แก่ BCH, CPF, DIF, MTC และ SCC ซึ่งตอบโจทย์คุณสมบัติทั้ง 5 ข้อที่ใช้ในการประเมิน
ปัจจัยสำคัญที่ต้องจับตาในครึ่งปีหลัง การฟื้นตัวของผลประกอบการบจ.จากฐานต่ำ Valuation ของหุ้นที่ยังน่าสนใจ เสถียรภาพทางการเมืองที่ดีขึ้น การผ่อนคลายนโยบายการเงินช่วยสนับสนุนให้เศรษฐกิจฟื้นตัว
มาตรการกระตุ้นเศรษฐกิจและการเบิกจ่ายงบประมาณ เงินบาทอ่อนค่าหนุนการส่งออกและการท่องเที่ยว การฟื้นตัวของภาคท่องเที่ยวใน 4/68 จุดเปลี่ยนผันของกลุ่มพาณิชย์จากการฟื้นตัวของการบริโภคในประเทศ และความคาดหวังต่อการลงทุนโครงสร้างพื้นฐานขนาดใหญ่
InnovestX แนะกระจายลงทุนในต่างประเทศ เน้นกลุ่มเติบโตมั่นคง เพิ่มลงทุนด้านการทหาร ลดน้ำหนักเทคโนโลยี และเน้น Domestic Play โดยเฉพาะเอเชีย จีนยังฟื้นตัวต่อเนื่องจากมาตรการกระตุ้นภาครัฐ แนะนำกลุ่มหุ้นคุณภาพที่รายได้-กำไรเติบโตสม่ำเสมอ เช่น กลุ่มเชิงรับ สาธารณูปโภค และสื่อสาร รวมถึงตลาดเกิดใหม่ในเอเชียบางประเทศ
นายสุทธิชัย คุ้มวรชัย Head of Research Department ของ InnovestX ระบุว่า สถานการณ์ที่ต้องจับตาในไตรมาส 3/68 ได้แก่
นายรัฐศรัณย์ ธนไพศาลกิจ หัวหน้าฝ่าย Investment Strategy และฝ่าย Trading Product Specialist ของ InnovestX กล่าวว่า กลยุทธ์หลักการลงทุนไตรมาส 3/68 คือ การจัดพอร์ตอย่างสมดุล เน้นกระจายความเสี่ยงทั่วโลก เน้นทองคำ ตราสารหนี้ระยะสั้น และตราสารทุนในตลาดเกิดใหม่ (EM) อย่างเวียดนามและจีน พร้อมจับตาหุ้นยุโรป
กองทุนแนะนำประจำไตรมาส 3/68: UOBSG-H (ทองคำ), DAOL-CHINATECH (เทคจีน), PRINCIPLE VNEQ-A (หุ้นเวียดนาม), LHHEALTH-A (การแพทย์ทั่วโลก) และ DR HSHD23 (หุ้นจีนปันผลสูง) เพื่อรับมือความผันผวนและสร้างผลตอบแทนยั่งยืนในระยะยาว