หุ้นไทยวันนี้ เปิดลบ 1,116.05 จุด พบ KTC-ADVANC-TRUE ราคาบวก

07 ก.ค. 2568 | 03:41 น.
อัปเดตล่าสุด :07 ก.ค. 2568 | 03:42 น.

หุ้นไทยวันนี้ (7 ก.ค.) เปิดลบแตะ 1,116.05 จุดพบ KTC-ADVANC-TRUE ราคาบวก ฟากโบรกวิเคราะห์ ตลาดหุ้นโลก-ไทย ยังผันผวน รับแรงกดดันการประกาศอัตราภาษีและผลการเจรจา วางกรอบดัชนี สัปดาห์นี้ที่ 1,100 - 1,140 จุด

ความเคลื่อนไหวตลาดหุ้นไทยวันนี้ (7 ก.ค.68) ดัชนี SET Index เปิดตลาด ณ เวลา 10.30 น. ที่ระดับ 1,116.05 จุด ลดลง 3.89 จุด หรือเปลี่ยนแปลง 0.35% กรอบการเคลื่อนไหวดัชนีหุ้นไทยแกว่งตัวในกรอบสูงสุดและต่ำสุดที่ระดับ 1,117.29 - 1,109.93 จุด มีมูลค่าซื้อขายที่ 7,336.59 ล้านบาท

5 หุ้นมูลค่าซื้อขายสูงสุด

  • KTC ราคา 25.00 บาท เพิ่มขึ้น 0.10 บาท หรือ 0.40% มูลค่าซื้อขาย 573.58 ล้านบาท
  • ADVANC ราคา 284.00 บาท เพิ่มขึ้น 5.00 บาท หรือ 1.79% มูลค่าซื้อขาย 504.73 ล้านบาท
  • WHA ราคา 3.16 บาท ลดลง 0.24 บาท หรือ 7.06% มูลค่าซื้อขาย 463.58 ล้านบาท
  • DELTA ราคา 107.00 บาท ลดลง 2.50 บาท หรือ 2.28% มูลค่าซื้อขาย 440.08 ล้านบาท
  • TRUE ราคา 11.00 บาท เพิ่มขึ้น 0.20 บาท หรือ 1.85% มูลค่าซื้อขาย 431.47 ล้านบาท

ตลาดหุ้นไทยยังผันผวน

บล.ดาโอ (ประเทศไทย) วิเคราะห์ตลาดหุ้นไทยวันนี้ (7 ก.ค.68) ว่า ตลาดทั่วโลกและตลาดหุ้นไทย จะมีความผันผวนในเรื่องหลักๆ คือ การประกาศอัตราภาษีและผลการเจรจา ซึ่งผลอาจออกมาได้ทั้งบวกและลบ โดยเฉพาะของไทย

ขณะที่จะเริ่มมีแรงเก็งงบไตรมาส 2/68 และเงินปันผลงวดแรกเข้ามา ส่วนตัวแปรสำคัญของไทย คือ บรรยากาศการเมือง ตอนนี้ จะเป็นสูญญากาศ คือ รอคอยความชัดเจน ซึ่งจะทำให้การลงทุนในช่วงนี้ ต้องเน้นเก็งกำไรช่วงสั้นๆ และดักเก็บหุ้นที่ราคาลงมาลึกๆ ประเมินกรอบดัชนี สัปดาห์นี้ไว้ที่ 1,100 - 1,140 จุด

สัปดาห์สุดท้ายของการเจรจาการค้า ไทยยังเจรจาไม่ผ่าน ต้องกลับมาทบทวน ตลาดอาจมองในทางลบ ส่วนเรื่องจำกัดการขาย Chip ให้ไทย ไม่ได้กระทบต่อการลงทุนในไทย เพราะห้ามแค่การเป็นตัวกลาง ด้าน Trump ทยอยส่งจดหมายแจ้งประเทศต่างๆ เรื่องอัตราภาษีที่จะเรียกเก็บ (ส่วนใหญ่น่าจะลดลงจากที่แจ้งเมื่อ 2 เม.ย.)

รัฐบาลทรัมป์ได้ประกาศข้อตกลงกับหลายประเทศ อย่างไรก็ดี คู่ค้ารายใหญ่อย่าง จีน ญี่ปุ่น เกาหลีใต้ และสหภาพยุโรปยังคงอยู่ระหว่างการเจรจาข้อตกลง ทางฝ่ายมองว่า หากผลการเจรจาของทุกประเทศออกมา โดยเฉพาะจีน หรือไทยเอง แล้วไม่ทำให้คนกังวล น่าจะเป็นเรื่องที่ดีของตลาด

ประกอบกับ ธนาคารกลางสหรัฐฯ (Fed) ถูกกดดันอย่างหนัก ประธานาธิบดี Trump ขอให้ประธาน Fed ลาออก ขณะที่ รมว.คลัง สก็อตต์ เบสเซนต์ สนับสนุนให้มีการลดอัตราดอกเบี้ยทันที จากการศึกษาในเรื่องนี้พบว่า สองฝ่ายมีมุมต่างกัน Fed กลัวเงินเฟ้อ(ที่อาจเกิดจาก Tariff) ส่วนฝั่งรัฐบาล เห็นเศรษฐกิจกำลังชะลอตัว ดอกเบี้ย(พันธบัตร) ยังสูง แรงกดดันนี้ อาจทำให้ Fed ต้อเร่งการปรับลดดอกเบี้ย อย่างช้า เดือน ก.ย.นี้ให้ก่อน

ขณะที่ราคาน้ำมัน OPEC+ ประชุมผ่านไปแล้ว โดยปรับลดกำลังการผลิตน้ำมันลง 5.48 แสนบาร์เรล/วัน มากกว่าคาด จึงมี surprise ในทางลบ และซาอุฯ ปรับขึ้นราคาขายน้ำมันดิบให้เอเซีย +1.0 ดอลลาร์ (เป็น 2.2 ดอลลาร์) หุ้นผู้ผลิตน้ำมัน (PTTEP) จะถูกกดดันจาก supply ที่เพิ่มขึ้นไปอีกระยะหนึ่ง แต่จะดีต่อหุ้นกลุ่มปิโตรเคมี (SCC, SCGP) ที่จะได้ต้นทุนวัตถุดิบที่ลดลง

ทั้งนี้ ตลาดจะเข้าสู่ฤดูกาลเก็งงบการเงินไตรมาส 2/68 โดยประเมินกำไรงวดนี้ จะตกอยู่ในช่วง 2.1-2.3 แสนล้านบาท ต่ำกว่าไตรมาสก่อนที่ 2.82 แสนล้านบาท โดยหุ้นธนาคารจะรายงานเป็นลำดับแรก ทางฝ่ายประเมินกำไรหุ้นกลุ่มนี้ไว้ที่ 5.3 หมื่นล้านบาท -2% เทียบช่วงเดียวกันกับปีก่อน และ -10% จากไตรมาสก่อนซึ่งจะใกล้เคียงกับตัวเลข Bloomberg Survey

Event สัปดาห์นี้

เงินเฟ้อของไทย (7 ก.ค.) (เดือนก่อน -0.6%)

เงินเฟ้อของจีน (9 ก.ค.) (เดือนก่อน -0.1%)

รายงานประชุม FOMC (9 ก.ค.)

Strategy

  • สัปดาห์นี้ จะผันผวนจากตัวแปรสำคัญของผลการเจรจาการค้า ของไทยที่ยังไม่จบ และจีน ด้วย หากออกมาดี ดัชนีฯ ก็มีโอกาสตีกลับขึ้นไปได้อีกครั้ง กลยุทธ์ สลับขายทำกำไรและเก็งกำไรช่วงสั้นๆ โดยแนะนำให้เลือกซื้อหุ้นที่ราคาลงมาลึกๆ หรือหุ้นที่ความแข็งแกร่ง และมีปันผลดีไว้ก่อน
  • list ของหุ้นที่ราคาลงมาลึก วันนี้ OSP, STA, JMT, CRC, SCGP, HANA, AMATA, SPRC เป็นทางเลือกในการคัดหุ้นเพื่อเก็งกำไรช่วงสั้นๆ ไปจนถึงถึงยาว (ในบางตัว)
  • หุ้นในพอร์ตวันนี้ เรานำ BGRIM, CPALL, DELTA* ออก หุ้นในพอร์ตประกอบด้วย AMATA*(10%), CBG(10%), TOP(10%), KTC*(10%), SCB(10%)