ค่าเงินบาทปิดตลาดที่ระดับ 31.46 บาทต่อดอลลาร์ฯ เทียบกับระดับปิดตลาดวานนี้ที่ 31.47 บาทต่อดอลลาร์ฯ
ศูนย์วิจัยกสิกรไทยระบุว่า ค่าเงินบาทขยับแข็งค่าขึ้นในช่วงเช้าสอดคล้องกับทิศทางของสกุลเงินอื่น ๆ ในเอเชีย ขณะที่เงินดอลลาร์ฯ เผชิญแรงขาย หลังข้อมูลล่าสุดสะท้อนว่า อัตราเงินเฟ้อของสหรัฐฯ ชะลอตัวลงซึ่งหนุนโอกาสการลดดอกเบี้ยของเฟดในปีหน้า
อย่างไรก็ดี เงินบาททยอยลดช่วงบวกลงในช่วงบ่ายสอดคล้องกับสถานะขายสุทธิพันธบัตรไทยของนักลงทุนต่างชาติ และการขยับอ่อนค่าลงของค่าเงินเยน แม้ว่า BOJ จะปรับขึ้นอัตราดอกเบี้ยในวันนี้ไปที่ระดับ 0.75% ก็ตาม
ดังนั้น การเคลื่อนไหวของเงินบาทในภาพรวมวันนี้ ยังค่อนข้างแคบกรอบระหว่างวันอยู่ในช่วงประมาณ 31.37-31.49 บาทต่อดอลลาร์ฯ สำหรับทิศทางฟันด์โฟลว์ในวันนี้ นักลงทุนต่างชาติซื้อสุทธิหุ้นไทย 83.60 ล้านบาท แต่ขายสุทธิพันธบัตรไทย 1,220 ล้านบาท
ส่วนค่าเฉลี่ย Indicative forward points ของธุรกรรมระยะ 3 เดือนสำหรับผู้ประกอบการที่มีรายได้ 50-200 ล้านบาทต่อปี รายงานข้อมูล ณ 10.00 น. วันที่ 19 ธันวาคม 2568 จากเว็บไซต์ ธปท. อยู่ที่ -22.42 สำหรับผู้ส่งออก (ขายเงินดอลลาร์ฯ ล่วงหน้า) และที่ -18.60 สำหรับผู้นำเข้า (ซื้อเงินดอลลาร์ฯ ล่วงหน้า)
สำหรับกรอบการเคลื่อนไหวของเงินบาทในสัปดาห์หน้า (22-26 ธ.ค.) ประเมินเบื้องต้นไว้ที่ 31.30-31.80 บาทต่อดอลลาร์ฯ
ขณะที่ปัจจัยสำคัญที่ต้องติดตาม ได้แก่ ท่าทีต่อสถานการณ์เงินบาทของทางการไทย ตัวเลขการส่งออกเดือนพ.ย. ของไทย ฟันด์โฟลว์ของต่างชาติ ทิศทางค่าเงินเอเชียและราคาทองคำในตลาดโลก
รวมถึงสถานการณ์ระหว่างไทย-กัมพูชา ส่วนตัวเลขเศรษฐกิจสหรัฐฯ ที่สำคัญ ได้แก่ ยอดสั่งซื้อสินค้าคงทนและการผลิตภาคอุตสาหกรรมเดือนต.ค. ข้อมูลจีดีพีและดัชนีราคา PCE/Core PCE ประจำไตรมาส 3/2568 ดัชนีความเชื่อมั่นผู้บริโภคเดือนธ.ค. และจำนวนผู้ขอรับสวัสดิการว่างงานรายสัปดาห์