ThaiBMA ลดยอดออกหุ้นกู้ปี 68 เหลือ 8 แสนล้าน หลังยอดเสนอขายหด 19%

06 ก.ค. 2568 | 01:00 น.

สมาคมตลาดตราสารหนี้ไทย (ThaiBMA) หั่นเป้ายอดออกหุ้นกู้ปี 68 ลงเหลือ 8 แสนล้าน จากเดิม 8.5 - 9 แสนล้าน หลังยอดออกเสนอขายลดลง 19% ชี้หากเจรจาการค้าสหรัฐฯ เป็นบวก ยอกออกหุ้นกู้ใหม่อาจสูงกว่าคาด

นางสาวอริยา ติรณะประกิจ เป็นรองกรรมการผู้จัดการของสมาคมตลาดตราสารหนี้ไทย (ThaiBMA) เปิดเผยว่า ThaiBMA ปรับลดคาดการ์ยอดออกหุ้นกู้ปี 68 ลงเหลือ 8 แสนล้านบาท จากเดิมคาดประมาณ 8.5 - 9 แสนล้านบาท เนื่องจากครึ่งปีแรกยอดออกเสนอขายลดลง 19% จากหุ้นกู้ที่ครบกำหนดลดลง

รวมถึงผู้ออกมีการยืดหนี้ออกไป และหุ้นกู้ที่มีเรทติ้งสูง AAA และ AA โรลโอเวอร์ (Rollover) น้อยจากมีทางเลือก ตลอดจนรอให้อัตราดอกเบี้ยลดลงมาอยู่ในระดับที่น่าสนใจ จึงหันไปขอสินเชื่อ หรือบริษัทมีกระแสเงินสดที่สูงยังไม่จำเป็นต้องออกหุ้นกู้

ทั้งนี้ ในช่วงครึ่งปีหลัง 68 มีโอกาสยอดออกหุ้นกู้ชุดใหม่จะสูงกว่าที่คาดการณ์ได้ หากการเจรจาภาษีการค้า "ทรัมป์" มีความชัดเจนทำให้ตลาดทางการเงินนิ่ง และอัตราดอกเบี้ยอยู่ในระดับที่เอื้อในการระดมทุนในการออกหุ้นกู้

โดยการเจรจาภาษีการค้าสหรัฐของไทยที่ยังไม่มีความชัดเจน ความขัดแย้งทางภูมิรัฐศาสตร์ที่ยังไม่ยุติ ประกอบกับภาวะเศรษฐกิจของไทยขยายตัวชะลอลง  ตลาดตราสารหนี้ไทยในช่วงครึ่งแรกของปี 68 ขยายตัวได้เล็กน้อยจากการเพิ่มขึ้นของตราสารหนี้ที่ออกโดยรัฐบาลเป็นสำคัญ ในขณะที่ภาคเอกชนมีการออกหุ้นกู้ลดลง 19.3% จากช่วงเดียวกันปีที่ผ่านมา

ดร.สมจินต์ ศรไพศาล กรรมการผู้จัดการ สมาคมตลาดตราสารหนี้ไทย (ThaiBMA) กล่าวสรุป 6 ประเด็นสำคัญ 6  ดังต่อไปนี้

มูลค่าตลาดตราสารหนี้ไทยขยายตัว : โดย ณ สิ้นไตรมาส 2/68 มูลค่าคงค้างตลาดตราสารหนี้ไทยเท่ากับ 17.3 ล้านล้านบาท (คิดเป็น 93% ของ GDP) เพิ่มขึ้น 1.1% จากสิ้นปี 67 จากการเพิ่มขึ้นของตราสารหนี้ที่ออกโดยรัฐบาลเป็นสำคัญ ในขณะที่มูลค่าคงค้างตราสารหนี้ภาคเอกชนลดลงเล็กน้อยจากสิ้นปีที่ผ่านมา

การออกตราสารหนี้ภาคเอกชนระยะยาวลดลง 19.3% จากช่วงเดียวกันปีที่แล้ว : ในช่วงครึ่งแรกของปี 68 มูลค่าการออกตราสารหนี้ภาคเอกชนระยะยาว (หุ้นกู้ระยะยาว) เท่ากับ 398,820 ล้านบาท ลดลง 19.3% เมื่อเทียบกับช่วงเดียวกันของปีก่อน เป็นการลดลงของทั้งกลุ่ม Investment Grade และกลุ่ม High Yield

นักลงทุนต่างชาติซื้อสุทธิตราสารหนี้ไทย 32,331 ล้านบาท ในช่วงครึ่งแรกของปี 68 : โดยเป็นการขายสุทธิตราสารหนี้ไทย 11,989 ล้านบาทในเดือนมกราคม จากนั้นเป็นการเข้าซื้อสุทธิอย่างต่อเนื่องในเดือน ก.พ. - เม.ย. 68 รวม 79,240 ล้านบาท ก่อนจะพลิกกลับเป็นการขายสุทธิ

ตราสารหนี้ไทยในเดือน พ.ค. - มิ.ย. 68 รวม 34,921 ล้านบาท ทำให้ ณ สิ้นไตรมาส 2/68 นักลงทุนต่างชาติมีการถือครองตราสารหนี้ไทย เท่ากับ 9 แสนล้านบาท คิดเป็นสัดส่วน 5.2% ของมูลค่าคงค้างตลาดตราสารหนี้ไทย

เส้นอัตราผลตอบแทนพันธบัตรรัฐบาลไทยปรับตัวต่ำลง : อัตราผลตอบแทนพันธบัตรรัฐบาลไทย (Bond Yield) ปรับตัวต่ำลงทั้งเส้นในช่วงครึ่งแรกปี 68 ตามการปรับลดของอัตราดอกเบี้ยนโยบายไทย 2 ครั้งในเดือน ก.พ. - เม.ย. ส่งผลให้ Bond yield ไทยรุ่นอายุ 2 ปี 5 ปี และ10 ปี ปรับตัวลดลง 62-70 bps. จากสิ้นปี 67 มาอยู่ที่ระดับ 1.40%, 1.40% และ 1.60% ตามลำดับ ณ สิ้นไตรมาส 2/68

เส้นอัตราผลตอบแทนตราสารหนี้ภาคเอกชนปรับตัวต่ำลงในทิศทางเดียวกับอัตราผลตอบแทนพันธบัตรรัฐบาล : ในช่วงครึ่งแรกปี 68 อัตราผลตอบแทนของหุ้นกู้รุ่นอายุ 5 ปี ของหุ้นกู้กลุ่ม AAA,  AA,  A และ BBB+ ปรับตัวลดลง 52-93 bps. มาอยู่ที่ระดับ 1.88%  2.29%  2.75% และ  3.91% ตามลำดับ ณ สิ้นไตรมาส 2/68

อัตราดอกเบี้ยนโยบายมีแนวโน้มปรับลดลงในช่วงไตรมาสสุดท้ายของปี : ผลสำรวจจากผู้ร่วมตลาดส่วนใหญ่คาดว่า กนง. จะปรับลดอัตราดอกเบี้ยนโยบายในช่วงไตรมาสสุดท้ายของปี ราว 1 ครั้ง รวม 0.25% ลงมาอยู่ที่ 1.50% จากปัจจุบันที่ 1.75%

สำหรับการคาดการณ์ Bond yield ไทย ผู้ตอบแบบสอบถามคาดว่า Bond yield ไทยรุ่นอายุ 5 ปี และ 10 ปี ในช่วงที่เหลือของปี 68 จะขยับตัวลดลงเฉลี่ยราว 5-10 bps. จากสิ้นไตรมาส 2/68  จากปัจจัยเรื่องทิศทางอัตราดอกเบี้ยนโยบายของไทย การขยายตัวทางเศรษฐกิจของไทย ภาวะเศรษฐกิจโลกและทิศทางอัตราดอกเบี้ยของประเทศเศรษฐกิจชั้นนำ