AIMC รับความเชื่อมั่นตลาดทุนสั่นคลอน ฉุด Thai ESGX พลาดเป้า

01 ก.ค. 2568 | 00:30 น.

AIMC เผยเศรษฐกิจ-การเมืองฉุดความเชื่อมั่น ดึง Thai ESGX พลาดเป้า นักลงทุนเมินสับกอง LTF เหลือเพียง 10% ด้าน "วายุภักษ์" เข้าโหมดพักรบ รอจังหวะลงทุนใหม่

นางชวินดา หาญรัตนกูล กรรมการผู้จัดการ บริษัทหลักทรัพย์จัดการกองทุน กรุงไทย จำกัด (มหาชน) หรือ KTAM ในฐานะนายกสมาคมบริษัทจัดการการลงทุน (AIMC) เปิดเผยว่า การลงทุนในกองทุนรวมไทยเพื่อความยั่งยืนแบบพิเศษ หรือ Thai ESGX ได้สิ้นสุดแล้วเมื่อวันที่ 30 มิ.ย.68 ที่ผ่านมา

โดยสิทธิประโยชน์ที่จูงใจในรอบนี้ คือ ผู้ลงทุนใหม่จะได้ลดหย่อนภาษีสูงสุดไม่เกิน 300,000 บาท และผู้ที่สับเปลี่ยนหน่วยลงทุนจากกองทุนรวมหุ้นระยะยาว (LTF) จะได้ลดหย่อนภาษีสูงถึงไม่เกิน 500,000 บาท เป็นต้น คาดการณ์ว่าทั้งเม็ดเงินลงทุนใหม่และการสับกองจาก LTF อาจทำไม่ได้ตามเป้าหมายที่วางไว้ 

จากการตวรจสอบข้อมูลล่าสุดเมื่อวันที่ 27 มิ.ย. 68 พบว่า เม็ดเงินลงทุนของ Thai ESGX โดยรวมอยู่ที่ประมาณ 17,000 ล้านบาท อย่างไรก็ดี เชื่อว่ายอดเงินลงทุนโดยรวม ณ วันที่ 30 มิ.ย.68 จะมากกว่า 20,000 ล้านบาท แน่ๆ เพียงแต่เมื่อนับรวมกับ FTA แล้วจะมากกว่า 25,000 ล้านบาทด้วยหรือไม่ ก็ต้องรอดูกันต่อไป

"เบื้องต้นคาดว่าการโอนเม็ดเงินลงทุนก้อนสุดท้ายเข้าสู่ระบบไม่เกินสุดสัปดาห์นี้ ดังนั้นมูลค่าการลงทุนขณะนี้ยังบอกรายละเอียดที่ชัดเจนไม่ได้ ตัวเลขโดยสรุปอาจต้องรอไปก่อน แต่ก็ต้องยอมรับว่าเม็ดเงินลงทุนใน Thai ESGX อาจไม่เป็นไปตามที่เป้าหมายวางไว้ ด้วยปัจจัยทางเศรษฐกิจและความเชื่อมั่นในการลงทุนที่ลดลง"

ตลาดหุ้นไม่เอื้อลงทุน

สาเหตุที่ทำให้เม็ดเงินในกองทุน Thai ESGX พลาดเป้าหมาย หลักๆ เป็นผลมาจากสถานการณ์ทางเศรษฐกิจที่ไม่มีความแน่นอน ตลาดหุ้นไม่เอื้อต่อการลงทุน และมีการปรับตัวลดลง ยิ่งทำให้ความเชื่อมั่นในการลงทุนลดลงไปอีก

ที่ผ่านมาสังเกตเห็นว่า กรณีการสับกองเงิน LTF จากที่เคยบอกว่าคงเหลือประมาณ 200,000 ล้านบาท ก็ยังไม่ได้ออกไปจากตลาดหุ้นไทย แต่มีการสับกองมา Thai ESGX เพียงแค่ 10% เท่านั้น จากข้อมูลทางสถิติแสดงให้เห็นว่าผู้ที่ลงทุนในระดับหลักแสนบาทขึ้นไปมีอยู่มาก

แต่เมื่อมีการสับกองจริงๆ กลับโยกเงินมาไม่เต็มจำนวน โดยเรื่องนี้มองว่าอาจเป็นผลจากความซับซ้อนในขั้นตอนการโยกเงินสับกอง การกระจายการลงทุนไปยังหลายๆ ที่ ทำให้นักลงุทนอาจจำไม่ได้ จนเป็นผลให้โยกเงินสับกองได้ไม่ครบทั้งหมด 

สถานการณ์ความวุ่นวายทางการเมืองที่เข้ามาในช่วงโค้งสุดท้าย ทำให้ตลาดเกิดความไม่มั่นใจมากยิ่งขึ้น ซึ่งก็ต้องบอกว่าที่ผ่านมา ทั้งภาครัฐและเอกชนที่เกี่ยวข้อง พยายามระดมมาตรการต่างๆ ออกมาช่วยพยุงแล้ว แต่สุดท้ายตลาดจะตอบรับหรือไม่ ก็ขึ้นกับปัจจัยแวดล้อมต่างๆ ที่เข้ามาด้วย ต้องยอมรับว่าในตอนนี้สภาพแวดล้อมการลงทุนดูไม่ปลอดโปร่งเลย

วายุภักษ์เงินเหลืออื้อ

สำหรับกองทุนรวมวายุภักษ์ หนึ่ง (VAYU1) นั้น ปัจจุบันยังมีเงินลงทุนในมืออยู่อีกจำนวนมาก แม้จะถูกหลายฝ่ายเข้าใจว่ากองทุนวายุภักษ์เป็นเครื่องมือที่เข้ามาช่วยพยุงตลาดหุ้นไทย ก็เป็นเรื่องจริงส่วนหนึ่ง แต่ต้องไม่ลืมด้วยว่า กองวายุภักษ์ก็มีหน้าที่รักษาผลประโยชน์ให้กับผู้ลงทุนอย่างสูงสุดด้วยเช่นเดียวกัน

"เมื่อเห็นแล้วว่าสถานการณ์ไม่เอื้ออำนวย เราไม่มีความจำเป็นที่จะต้องไปทวนกระแสน้ำ เพียงแต่การลงทุนในสถานการณ์เช่นนี้การเก็บเล็กผสมน้อยน่าจะเหมาะสมที่สุด ยอมรับว่าการลงทุนมีอยู่ทุกๆ วัน มากบ้างน้อยบ้างแล้วจะจังหวะ หากหุ้นสตอรี่ดี ต่ำ Book อิงเศรษฐกิจในประเทศ ผลกระทบน้อยที่สุด ก็น่าลงทุน ถ้าลงมาแรง ปรับตัวแรง เราก็เข้าไปรับ"