นายวัชระ แก้วสว่าง หรือเสี่ยป๋อง หนึ่งในนักลงทุนรายใหญ่และเป็นที่รู้จักอย่างแพร่หลายในตลาดหุ้นไทย กล่าวในเวที Thailand Investment Forum 2025: พลิกเกมฝ่าวิกฤติ Great Depression จัดโดยกรุงเทพธุรกิจ ฐานเศรษฐกิจ และ โพสต์ทูเดย์ สื่อเศรษฐกิจและการลงทุน ในเครือเนชั่น ภายใต้หัวข้อเสวนา “โค้ดลับ พอร์ตพันล้าน” ว่าภาพรวมการวิเคราะห์ทางเทคนิคหุ้นไทยนั้นตลาดยังอยู่ในช่วงความไม่แน่นอน โดยเน้นย้ำจุดสำคัญที่นักลงทุนต้องจับตาในระยะข้างหน้า
จากการวิเคราะห์ทางเทคนิค ดัชนีหุ้นไทยอยู่ระดับ 1,231 จุด ซึ่งเป็นจุดสูงสุดของเดือนที่ผ่านมา ถือเป็นแนวต้านสำคัญ หากดัชนีสามารถทะลุผ่านระดับนี้ได้ จะเป็นสัญญาณบวกที่บ่งชี้ว่าตลาดอาจผ่านจุดต่ำสุดไปแล้ว ในทางตรงกันข้าม ระดับ 1,100 กว่าจุดถือเป็นแนวรับที่สำคัญมาก หากหลุดลงไปจะส่งสัญญาณเตือนภัยร้ายแรงต่อความเชื่อมั่นของนักลงทุน
การเคลื่อนไหวปัจจุบันของดัชนีอยู่ในรูปแบบของการปรับฐานในลูกคลื่นที่ 2-3 หากพิจารณาจุด 1,080 จุดเป็นจุดต่ำสุด การเคลื่อนไหวในปัจจุบันถือว่าอยู่ในเกณฑ์ปกติของการฟื้นตัว อย่างไรก็ตาม หากดัชนีหลุดระดับ 1,080 จุดลงไป เป้าหมายถัดไปที่ต้องจับตามองคือระดับ 970 จุด ซึ่งจะส่งผลกระทบรุนแรงต่อตลาดโดยรวม
นายวัชระ กล่าวต่อไปว่า แนะนำให้นักลงทุนควรมีกลยุทธ์รอจังหวะที่เหมาะสม โดยไม่ควรรีบเร่งเข้าลงทุนจนกว่าจะมีสัญญาณทางเทคนิคที่ชัดเจน การตัดสินใจลงทุนควรอิงสัญญาณทางเทคนิคมากกว่าอารมณ์ พร้อมทั้งเตรียมแผนรับมือทั้งสถานการณ์ขาขึ้นและขาลง
ในสถานการณ์ปัจจุบัน นักลงทุนควรรักษาความเชื่อมั่น แต่ต้องบริหารความเสี่ยงอย่างระมัดระวัง โดยจับตาดูการเคลื่อนไหวผ่านแนวรับและแนวต้านสำคัญอย่างใกล้ชิด เนื่องจากการทะลุหรือหลุดจุดเหล่านี้จะเป็นตัวกำหนดทิศทางของตลาดในระยะข้างหน้า
ตลาดหุ้นไทยในปัจจุบันจึงอยู่ในจุดสำคัญที่ต้องการการติดตามอย่างใกล้ชิด นักลงทุนควรเตรียมพร้อมและมีแผนการลงทุนที่ชัดเจนตามสถานการณ์ที่อาจเกิดขึ้น โดยเฉพาะการเฝ้าระวังสัญญาณจากการเคลื่อนไหวของดัชนีผ่านจุดสำคัญต่างๆ ที่จะส่งผลต่อความเชื่อมั่นและทิศทางการลงทุนในอนาคต
ด้านนายอรรถวัติ ศิริสิทธิธงไชย หรือที่รู้จักกันดีในชื่อ "บอย ท่าพระจันทร์" เป็นเซียนพระเครื่อง และ เซียนหุ้นชื่อดังของไทย กล่าวว่า ตลาดหุ้นไทยในปัจจุบันยังคงอยู่ในช่วงที่มีการปรับฐานและเคลื่อนไหวในกรอบแคบ หรือที่เรียกว่า "ไซด์เวย์ดาวน์" (Sideway Down) ทำให้ดัชนี SET ปรับตัวลงกว่า 300 จุด จากระดับ 1,200 จุดเมื่อปีที่ผ่านมา ซึ่งสร้างความท้าทายให้กับนักลงทุนหลายราย อย่างไรก็ตาม สำหรับนักลงทุนบางกลุ่มที่มีมุมมองระยะยาว กลับมองว่า นี่เป็นโอกาสที่ดีในการเข้าซื้อหุ้นสะสมในราคาที่เหมาะสม
“ส่วนตัวจะไม่เข้ามาทำการเทรดระยะสั้นหรือเทรดซิ่งในช่วงนี้ เนื่องจากตลาดยังมีความผันผวนสูงและไม่แน่นอน เขาจึงเลือกลงทุนในหุ้นที่มั่นใจและทยอยซื้อเพิ่มอย่างต่อเนื่องแม้ในช่วงที่ตลาดปรับตัวลง โดยยืนยันว่าเขายังไม่เคยขายหุ้นที่มีอยู่แม้จะมีกำไรบ้าง และยังคงเชื่อว่า การปรับฐานในครั้งนี้เป็นโอกาสที่ดีในการซื้อหุ้นเพิ่ม”
อย่างไรก็ตาม ตลาดหุ้นยังประสบปัญหาหลักที่สำคัญคือ "สภาพคล่องที่หายไป" โดยเฉพาะในหุ้นนอกกลุ่ม SET50 ซึ่งทำให้การซื้อขายในหุ้นเหล่านั้นค่อนข้างเงียบเหงา ราคาหุ้นไม่สามารถเคลื่อนไหวได้ตามปกติของตลาด ส่วนในกลุ่มหุ้นใหญ่ที่อยู่ใน SET50 ยังสามารถทำการซื้อขายได้อยู่ แต่ก็ไม่สามารถฟื้นตัวขึ้นได้อย่างรวดเร็ว
นักลงทุนรายนี้ยังกล่าวว่า หากตลาด SET ปรับตัวลงไปถึงระดับ 1,080 หรือแม้กระทั่ง 970 จุด ก็จะเป็นโอกาสที่ดีในการซื้อสะสมหุ้นเพิ่ม เนื่องจากเขามองว่าราคาหุ้นในปัจจุบันอาจจะต่ำเกินไปเมื่อเทียบกับมูลค่าที่แท้จริงของบริษัทในระยะยาว
ในที่สุดแม้ตลาดหุ้นเผชิญกับความไม่แน่นอนและความผันผวนในระยะสั้น แต่นักลงทุนที่มองระยะยาวยังเชื่อว่าตลาดในปัจจุบันอาจจะเป็นโอกาสที่ดีในการลงทุน เพราะราคาหุ้นบางตัวอาจจะถูกเกินไป และหากซื้อในช่วงนี้ก็อาจจะได้ผลตอบแทนที่ดีในอนาคต