SET วูบ 250 จุดใน 5 เดือนแรก ต่างชาติขายต่อเนื่องกว่า 7 หมื่นล้าน

05 มิ.ย. 2568 | 01:20 น.

เปิดสถิติ 5 เดือนแรกปี 68 หุ้นไทยผันผวนหนัก SET ดิ่งเฉียด 250 จุด พบต่างชาติเทขาย 7 หมื่นล้าน แต่รายย่อยยังลุยสวน ซื้อสุทธิเกิน 8.7 หมื่นล้าน

จากการรวบรวมมูลค่าการซื้อขายตลาดหุ้นไทยแบ่งตามประเภทนักลงทุนในช่วง 5 เดือนแรกปี 2568 (ม.ค.-พ.ค.) หรือ 100 วันทำการแรกของปีนี้ พบว่า นักลงทุนในประเทศเป็นเพียงกลุ่มเดียวที่มีสถานะซื้อสุทธิตลอดทั้ง 5 เดือนแรก มูลค่ารวม 87,242.63 ล้านบาท โดยซื้อสูงสุดในเดือนมี.ค. ที่ 26,857.77 ล้านบาท ทั้งนี้ เมื่อเทียบช่วงเดียวกันกับปีก่อนที่มีสถานะซื้อสุทธิเช่นกัน จำนวน 84,041.90 ล้านบาท เพิ่มขึ้น 3,200.73 ล้านบาท หรือ 3.80%

ส่วนกลุ่มอื่นๆ ประกอบด้วยกลุ่มนักลงทุนต่างประเทศ บัญชีบริษัทหลักทรัพย์ และนักลงทุนสถาบัน มีสถานะขายสุทธิคิดเป็นมูลค่ารวม 87,242.7 ล้านบาท เพิ่มขึ้น 3,200.79 ล้านบาท หรือ 3.80% จากเทียบช่วงเดียวกันกับปีก่อน ซึ่งทั้ง 3 กลุ่มมีสถานะขายสุทธิที่ 84,041.91 ล้านบาท

โดยกลุ่มนักลงทุนต่างประเทศมีสถานะขายสุทธิสูงสุด เป็นมูลค่ารวมกว่า 70,738.88 ล้านบาท และมีสถานะขายสุทธิติดต่อกันตลอดทั้ง 5 เดือน ลดลง 11,420.74 ล้านบาท หรือ -13.90% จากเทียบช่วงเดียวกันกับปีก่อนที่ขายสุทธิ 82,159.62 ล้านบาท

ด้านกลุ่มบัญชีบริษัทหลักทรัพย์ที่มีสถานะขายสุทธิรวมสูงเป็นอันดับที่ 2 จำนวน 11,403.15 ล้านบาท แม้ว่าในเดือนม.ค. จะมีสถานะซื้อสุทธิ 1,476.89 ล้านบาท แต่เป็นเพียงเดือนเดียวเท่านั้น หลังจากนั้นก็ครองสถานะขายสุทธิมาอย่างต่อเนื่อง ทั้งนี้ ปริมาณการขายสุทธิดังกล่าว เพิ่มขึ้น 9,805.78 ล้านบาท หรือ 613.87% จากเทียบช่วงเดียวกันกับปีก่อนที่ 1,597.37 ล้านบาท

ขณะที่กลุ่มนักลงทุนสถาบัน แม้ตลอดช่วง 5 เดือนแรกของปี 2568 จะมีทั้งสถานะซื้อและขายสุทธิสลับกันบ้าง แต่ภาพรวมยังคงมีอยุ่ในสถานะขายสุทธิรวม 5,100.67 ล้านบาท โดยขายสุทธิสูงสุดในเดือนก.พ. ที่ 6,573.69 ล้านบาท และซื้อสุทธิสูงสุดในเดือน พ.ค. ที่ 4,920.95 ล้านบาท ทั้งนี้ ปริมาณการขายสุทธิดังกล่าว เมื่อเทียบช่วงเดียวกันกับปีก่อน เพิ่มขึ้น 4,815.75 ล้านบาท หรือ 1,690.21% จาก 284.92 ล้านบาท

5 เดือนแรก SET Index ดิ่ง 250 จุด

ด้านข้อมูลสถิติอื่นๆ ของตลาดหุ้นไทยในช่วง 100 วันทำการแรกของปี 2568 นั้น พบว่า มีมูลค่าการซื้อขายรวมอยู่ที่ 4,172,638.08 ล้านบาท หรือเฉลี่ยประมาณ 41,726.38 ล้านบาทต่อวัน โดยมีการซื้อขายสูงสุดในวันที่ 8 เม.ย. มูลค่า 74,536.25 ล้านบาท และต่ำสุดในวันที่ 28 มี.ค. มูลค่า 17,321.58 ล้านบาท

การเคลื่อนไหวของดัชนีตลาดหุ้นไทย พบว่า ค่อนข้างมีความผันผวนอยู่มาก โดยแกว่งตัวไปทำจุดสูงสุดที่ระดับ 1,390.88 จุด ในวันที่ 7 ม.ค. และแกว่งตัวลงทำจุดต่ำสุดที่ระดับ 1,074.59 จุด ในวันที่ 8 เม.ย. โดยปิดตลาด ณ วันที่ 31 พ.ค. ที่ระดับ 1,149.18 จุด ลดลง 248.75 จุด หรือ -17.79% จากเปิดตลาดซื้อขายซื้อขายวันแรกของปี 2568 วันที่ 2 ม.ค. ที่ระดับ 1,397.93 จุด

เมื่อเทียบช่วงเวลาเดียวกันกับปี 2567 พบว่า มูลค่าการซื้อขายลดลง 227,116.18 ล้านบาท หรือ -5.16% จากเดิมที่ทำได้ 4,399,754.26 ล้านบาท ทำให้มูลค่าการซื้อขายเฉลี่ยลดลง 1,835.54 ล้านบาท หรือ -4.21% จากเฉลี่ยเดิมที่ทำไว้ที่ 43,561.92 ล้านบาท

ส่วนการเคลื่อนไหวของดัชนีตลาดหุ้นไทยในช่วง 5 เดือนแรกของปี 2567 พบว่าความผันผวนยังไม่หนักหน่วงเมื่อเทียบกับปีนี้ โดยดัชนีแกว่ตัวทำระดับสูงสุดที่ 1,434.59 จุด และต่ำสุดที่ระดับ 1,332.08 จุด ซึ่งปิดตลาด 31 พ.ค. 67 ที่ระดับ 1,345.66 จุด ลดลง 70.04 จุด หรือ -4.94% จากเปิดตลาดทำการซื้อขายวันแรกที่ระดับ 1,415.70 จุด

ต้องยอมรับว่าด้วยปัจจัยจากความไม่แน่นอนเศรษฐกิจโลก โดยเฉพาะผลกระทบจากสงครามการค้าและภาษีตอบโต้ ระหว่างสหรัฐฯ กับนานาประเทศ ส่งผลให้ความน่าสนใจในการลงทุนในสินทรัพย์เสี่ยงโลกลดน้อยลง และหันหน้าไปพึงสินทรัพย์ปลอดภัย (safe haven asset) อย่างทองคำและพันธบัตรรัฐบาลแทน ด้วยผลตอบแทนที่มีความมั่งคงกว่า

แต่ก็ใช่ว่าตลาดหุ้นจะดูไม่น่าสนใจเสียทั้งหมด เพราะก็ยังมีกลุ่มหุ้นปลอดภัย (Defensive Stock) ซึ่งเป็นหุ้นที่ทนทานต่อทุกสภาวะเศรษฐกิจ ส่วนใหญ่เป็นหุ้นที่พื้นฐานค่อนข้างแข็งแกร่ง ความเสี่ยงต่ำ แม้กำไรก็อาจเติบโตแบบไม่หวือหวานัก แต่ก็มีความมั่นคงและให้ผลตอบแทนในระดับที่ดีเป็นที่พักพิงให้กับนักลงทุนได้

ท้ายที่สุด ถึงแม้สินทรัพย์ปลอดภัยจะเป็นหลุมหลบภัยที่ดียามตลาดไม่ดี แต่ก็เป็นเหมือนสินทรัพย์อื่น ๆ ที่มีขาขึ้น ขาลง ไม่ได้ให้ผลตอบแทนดีตลอดเวลา ดังนั้นแล้วการลงทุนในสินทรัพย์ที่หลากหลาย เพื่อกระจายความเสี่ยงให้สอดคล้องกับระดับที่เรายอมรับได้ จะเป็นตัวช่วยที่ดีที่สุด ที่ทำให้โอกาสรับผลตอบแทนของพอร์ตโดยรวมมีความมั่นคงมากขึ้น