SET ผันผวนตามเจรจาการค้า แกว่ง Sideway กรอบ 1,160-1,180 จุด

26 พ.ค. 2568 | 03:03 น.
อัปเดตล่าสุด :26 พ.ค. 2568 | 03:04 น.

Liberator คาด SET วันนี้แกว่ง Sideway ในกรอบ 1,160 - 1,180 จุด แม้ทรัมป์เลื่อนเส้นตายขึ้นภาษี 50% ยุโรปเป็น 9 ก.ค. แต่ยังต้องติดตามการเจรจาภาษีทั่วโลกต่อ ส่วนไทยวันนี้จับตายอดส่งออกไทย เดือน เม.ย. คาด +12.2% จากปีก่อน

นายวิจิตร อารยะพิศิษฐ นักวิเคราะห์การลงทุนปัจจัยพื้นฐาน บริษัทหลักทรัพย์ ลิเบอเรเตอร์ จำกัด (Liberator) ประเมินภาวะตลาดหุ้นไทยวันนี้ 26 พ.ค.68 ว่า ประเด็นสงครามการค้ายังคงวนเวียนกดดันการลงทุน โดยช่วงสุดสัปดาห์ โดนัล ทรัมป์ ชูจะเก็บภาษีนำเข้า 25% สำหรับไอโฟนที่จำหน่ายในสหรัฐฯ แต่ผลิตในต่างประเทศ

ถือเป็นการกดดันให้ Apple ย้ายฐานการผลิตกลับสู่สหรัฐฯ นอกจากนี้ทรัมป์ยังจะเก็บภาษีนำเข้าสินค้าจากยุโรปในอัตราที่สูงถึง 50% เนื่องจากยังไม่พอใจกับข้อเสนอทางการค้าของสหภาพยุโรป (EU) โดยมองว่า "ยังไม่มีคุณภาพเพียงพอ" 

แต่อย่างไรก็ดีเช้านี้ทรัมป์มีการขยายเส้นตาย สำหรับภาษี 50% ของยุโรปจาก 1 มิ.ย. ออกไปเป็นวันที่ 9 ก.ค. หลังจากได้ คุยกับประธานคณะกรรมาธิการยุโรป ซึ่งอาจช่วยผ่อนคลายได้เล็กน้อย 

คาดตลาดหุ้นระยะสั้นยังค่อนข้างผันผวน และกลับมาเกาะติดการเจรจาการค้า มากยิ่งขึ้น ขณะที่ไทย ยังไม่เห็นความคืบหน้าการเจรจาอย่างชัดเจน ดังนั้นคง เป็นประเด็นที่ยังกดดัน ผสานกับสัญญาณทางเทคนิค SET หลุดแนวรับสำคัญ ที่บริเวณ 1180 จุด ดังนั้นยังคงแนะเพิ่มความระมัดระวังต่อการลงทุนมาก ยิ่งขึ้น 

สำหรับตัวเลขเศรษฐกิจสำคัญที่น่าติดตามในวันนี้ ได้แก่ ยอดการส่งออกของ ไทย เดือนเมษายน โดยตลาดคาดมูลค่าส่งออก 2.61 หมื่นล้านเหรียญ หรือเพิ่มขึ้น 12.2% เทียบช่วงเดียวกันกับปีก่อน ยังอยู่ในระดับที่แข็งแกร่ง โดยคาดได้แรงหนุนจากการเร่งส่งออก ก่อนที่จะมีบทสรุปที่ชัดเจนของมาตรการการค้าของทรัมป์

ปัจจัยที่ต้องจับตา

26 พ.ค. 

  • ยอดส่งออกไทย 

27 พ.ค. 

  • ยอดสั่งซื้อสินค้าคงทนสหรัฐฯ
  • ดัชนีความเชื่อมั่น สหรัฐฯ จาก Conf.Board
  • ดัชนีความเชื่อมั่นผู้บริโภคของยูโรโซน 

28 พ.ค. 

  • รายงานการประชุม FED

หุ้นเด่นแนะนำ

GULF ราคาเป้าหมายเชิงกลยุทธ์ 60.00 บาท

  • แนวโน้มธุรกิจแข็งแกร่ง โดยเป็น Holding ที่ครอบคลุมทั้งธุรกิจพลังงาน, โครงสร้างพื้นฐาน และธุรกิจดิจิตอล (Data center, Cloud, Al) โดยคาดกำไรปีนี้จะเติบโตราว +15% 
  • ฐานะการเงินแข็งแกร่งหลังจากควบรวมกับ INTUCH ส่งผลให้ D/E ratio ลดลงสู่ ระดับ 0.8 เท่า จากเดิมที่ 1.8 เท่า ผสานศักยภาพการเติบโตใน อนาคตยังมีต่อเนื่อง