ดัชนีดาวโจนส์ตลาดหุ้นนิวยอร์กปิดลดลงในวันศุกร์ (23 พ.ค.) และติดลบในรอบสัปดาห์นี้ หลังจากที่โดนัลด์ ทรัมป์ ประธานาธิบดีสหรัฐอเมริกาเสนอให้เก็บภาษีนำเข้าสินค้าจากยุโรปในอัตราสูงถึง 50% ซึ่งสร้างความไม่แน่นอนครั้งใหม่เกี่ยวกับสงครามการค้าโลก และกระทบความเชื่อมั่นของนักลงทุน
ทั้งนี้ ตลอดทั้งสัปดาห์ดัชนีดาวโจนส์ลดลง 2.47% ,ดัชนี S&P 500 ลดลง 2.61% และดัชนี Nasdaq ลดลง 2.48%
สำหรับกลุ่มที่ได้รับผลกระทบมากที่สุดได้แก่ กลุ่มเทคโนโลยี บริการสื่อสาร และสินค้าฟุ่มเฟือย ซึ่งร่วงลงอย่างหนักในดัชนี S&P500
ขณะที่หุ้นกลุ่มสาธารณูปโภค สินค้าอุปโภคบริโภคจำเป็น และพลังงานขยับขึ้น
หุ้นแอปเปิ้ล (Apple) ร่วงแตะระดับต่ำสุดในรอบ 2 สัปดาห์ หลังทรัมป์ขู่ว่าอาจเก็บภาษีนำเข้า 25% สำหรับไอโฟนที่จำหน่ายในสหรัฐฯ แต่ผลิตในต่างประเทศ ทำให้ราคาหุ้นปิดร่วงลง 3%
ส่วนหุ้นเทคโนโลยีตัวใหญ่อื่นอย่าง อะเมซอน (Amazon), อินวิเดีย (Nvidia) และเมตา แพลตฟอร์มส์ (Meta Platforms) ต่างก็ปรับตัวลงมากกว่า 1% ส่วนหุ้นเทสลา (Tesla) ลดลง 0.5%
สก็อตต์ เบสเซนต์ รัฐมนตรีคลังสหรัฐฯ กล่าวว่า ทรัมป์ไม่พอใจกับข้อเสนอทางการค้าของสหภาพยุโรป (EU) โดยมองว่ายังไม่มีคุณภาพเพียงพอ ซึ่งหวังว่าการขู่ขึ้นภาษีจะเป็นแรงกดดันให้ฝ่ายยุโรปเร่งการเจรจา