นางสาววิลาสินี บุญมาสูงทรง ผู้ช่วยกรรมการผู้จัดการ บริษัทหลักทรัพย์ โกลเบล็ก จำกัด หรือ GBS ประเมินกรอบการเคลื่อนไหวของดัชนีตลาดหุ้นไทยในสัปดาห์นี้ยังแกว่งตัวผันผวน โดยมีแรงกดดันหลังจาก มูดี้ส์ เรทติ้งส์ (Moody's Ratings) ปรับลดอันดับความน่าเชื่อถือระยะยาวของรัฐบาลสหรัฐฯ ลงสู่ระดับ Aa1 จากเดิมที่ระดับ Aaa
โดยให้เหตุผลว่า หนี้สาธารณะของรัฐบาลสหรัฐฯ เพิ่มสูงขึ้น และภาระดอกเบี้ยที่ต้องจ่ายก็เพิ่มขึ้นด้วย ซึ่งคาดการณ์ว่าภาระหนี้ของรัฐบาลกลางจะเพิ่มขึ้นเป็นประมาณ 134% ของ GDP ภายในปี 2578 เทียบกับระดับ 98% ในปี 2567
ขณะที่ปัจจัยลบในประเทศนักลงทุนเริ่มมีความกังวลทางการเมืองที่เพิ่มขึ้น แม้ว่าสภาพัฒน์ ได้มีการแถลงภาวะเศรษฐกิจไทยไตรมาส 1/2568 เศรษฐกิจไทยเติบโต 3.1% ต่อเนื่องจากไตรมาส 4/2567 ที่ ขยายตัว 0.7% สาเหตุจากการใช้จ่าย การส่งออก สินค้า และการลงทุนภาครัฐขยายตัวในเกณฑ์สูง
แต่ในขณะเดียวกันการอุปโภคบริโภคของเอกชนและการใช้จ่ายเพื่อการอุปโภคของรัฐบาลชะลอตัว ขณะที่การลงทุนภาคเอกชนปรับตัวลดลง จึงมองกรอบดัชนีในสัปดาห์นี้ที่ 1,170-1,230 จุด
ทั้งนี้ ปัจจัยต่างประเทศยังมีความไม่แน่นอนสูง ล่าสุด กระทรวงพาณิชย์จีนโจมตีสหรัฐฯ ใช้มาตรการควบคุมการส่งออกโดยมิชอบ พร้อมดำเนินการเด็ดขาดเพื่อปกป้องสิทธิและผลประโยชน์อันชอบธรรมของบริษัทจีน หลังจากสหรัฐฯ ออกคำเตือนบริษัทต่างๆ ไม่ให้ใช้ชิป AI รุ่น Ascend ของหัวเว่ย (Huawei) ซึ่งเป็นบริษัทเทคโนโลยียักษ์ใหญ่ของจีน
ด้านกระทรวงพาณิชย์สหรัฐฯ จะเพิ่มบริษัทจีน หลายแห่งเข้าไปในบัญชีจำกัดการส่งออก (Entity List) ซึ่งจะส่งผลให้บริษัทเหล่านั้นไม่สามารถเข้าถึงเทคโนโลยีหรือสินค้าจากสหรัฐฯ ได้ เว้นแต่จะได้รับใบอนุญาตซึ่งส่วนใหญ่มักจะไม่ได้รับการอนุมัติ
นอกจากนี้ ยังคงต้องเฝ้าระวังปัจจัยในประเทศที่อาจจะส่งผลต่อการลงทุนได้เช่นกัน อาทิ
ส่วนปัจจัยต่างประเทศ อาทิ
นายวัชเรนทร์ จงยรรยง ผู้อำนวยการฝ่ายวิจัย บล.โกลเบล็ก แนะนำกลยุทธ์การลงทุนในหุ้นที่คาดการณ์ว่าจะมีการนำเข้าคำนวณดัชนี SET100 ในรอบครึ่งปีหลังของปี 2568 ที่จะประกาศราวกลางเดือนมิ.ย. นี้ ได้แก่ AURA, MBK, TOA และ WHAUP
ด้านนายณัฐวุฒิ วงศ์เยาวรักษ์ ผู้อำนวยการฝ่ายวิจัย บล.โกลเบล็ก ประเมินราคาทองคำสัปดาห์นี้ว่า มีโอกาสเคลื่อนไหวผันผวน โดยนักลงทุนยังคงถือครองทองคำในฐานะสินทรัพย์ปลอดภัยจากสงคราม ในภูมิภาคตะวันออกกลางที่ทวีความรุนแรงขึ้น และความขัดแย้งระหว่างรัสเซียและยูเครนยังไร้ความคืบหน้า
ประกอบกับ นายโดนัลด์ ทรัมป์ ประธานาธิบดีสหรัฐฯ ส่งสัญญาณว่าสหรัฐฯ จะเป็นผู้กำหนดอัตราภาษีเพียงฝ่ายเดียว ขณะที่สหรัฐฯ และจีนสามารถบรรลุข้อตกลงลดการเก็บภาษีนำเข้าชั่วคราวได้ อีกทั้งสหรัฐฯ เผยว่าอาจมีการทำข้อตกลงทางการค้ากับอินเดีย ญี่ปุ่น และเกาหลีใต้ คาดทำให้มีแรงขายทำกำไรกดดันราคาทองคำ
พร้อมกันนี้ ประธานเฟดส่งสัญญาณไม่เร่งรีบในการปรับลดอัตราดอกเบี้ยเป็นปัจจัยกดดันเพิ่มเติม มองกรอบทองคำสัปดาห์นี้ 3,130 – 3,250 ดอลลาร์ต่อออนซ์ หากไม่ผ่านแนวต้านให้ชะลอการลงทุน