ตลาดหลักทรัพย์แห่งประเทศไทย (ตลท.) ได้แจ้งเตือนเรื่อง การเพิกถอนหุ้น บริษัท เงินติดล้อ จำกัด (มหาชน) หรือ NTL ในวันที่ 15 พ.ค. 68 ผ่าน "Investor Alert News " โดยเอกสารระบุว่า ตลาดหลักทรัพย์ฯ เพิกถอนหุ้น NTK วันที่ 15 พ.ค. 68 (NTK ซื้อขายวันที่ 14 พ.ค. 68 เป็นวันสุดท้าย) และขอให้ผู้ลงทุนใช้ความระมัดระวังในการซื้อขายหุ้น NTL เนื่องจาก ตลท. ได้ประกาศให้ บมจ.ติดล้อ โฮลดิ้งส์ (TIDLOR) เข้าจดทะเบียนแทน NTL ซึ่งจะถูกเพิกถอนจากการเป็นหลักทรัพย์จดทะเบียน
ตามที่ บริษัท ติดล้อ โฮลดิ้งส์ จำกัด (มหาชน) หรือ TIDLOR ได้มีการทำคำเสนอซื้อหลักทรัพย์ของบริษัท เงินติดล้อ จำกัด (มหาชน) หรือ NTL เพื่อปรับโครงสร้างการถือหุ้น โดยการแลกเปลี่ยน 1 หุ้นสามัญของ NTL ต่อ 1 หุ้นสามัญของ TIDLOR ระหว่างวันที่ 10 มี.ค. - 30 เม.ย. 68 เสร็จสิ้นแล้ว
โดยตลาดหลักทรัพย์ฯ ได้ประกาศให้ TIDLOR เป็นหลักทรัพย์จดทะเบียนตั้งแต่วันที่ 15 พ.ค. 68 แทน NTL ที่จะถูกเพิกถอนในวันเดียวกันนั้น ดังนั้น ตลาดหลักทรัพย์ฯ ขอให้ผู้ลงทุนใช้ความระมัดระวังนการซื้อหลักทรัพย์ NTL ในช่วงเวลาดังกล่าว เนื่องจาก NTL จะเป็นหลักทรัพย์ที่ไม่มีตลาดรองรับในการซื้อขายหลักทรัพย์ภายหลังการนำ TIDLOR เข้าจตทะเบียนแทน
ขณะเดียวกันทาง บริษัท ติดล้อ โฮลดิ้งส์ จำกัด (มหาชน) หรือ TIDLOR ได้ออกมาเปิดเผยว่า บริษัทฯ เตรียมเข้าซื้อขายในตลาดหลักทรัพย์ฯ วันแรก (First Trading Day) ในวันที่ 15 พ.ค. 68 นี้ โดยใช้ชื่อย่อ “TIDLOR” แทนบริษัท เงินติดล้อ จำกัด (มหาชน) หรือ NTL ที่ถูกเพิกถอนไป
ทั้งนี้ หลังจากที่ Tidlor Holdings ได้ดำเนินการปรับโครงสร้างการถือหุ้นและการจัดการโดยทำคำเสนอซื้อหลักทรัพย์ (Tender Offer) จากบริษัท เงินติดล้อ จำกัด (มหาชน) เป็นหุ้น Tidlor Holdings ซึ่งมีสัดส่วนการแลกหุ้นสูงถึง 99.4% ของจำนวนหุ้นที่จำหน่ายแล้วทั้งหมดของบริษัท เงินติดล้อ จำกัด (มหาชน) ซึ่งสะท้อนถึงความมั่นใจที่ผู้ถือหุ้นมีต่อ Tidlor Holdings
โดย Tidlor Holdings จะมีความยืดหยุ่นในการจ่ายเงินปันผลเป็นเงินสดให้กับผู้ถือหุ้นได้เพิ่มขึ้น และคาดว่าจะช่วยลดผลกระทบในเรื่อง Dilution ของราคาหุ้นและกำไรต่อหุ้น (EPS Dilution) นอกจากนี้ภาพรวมการดำเนินธุรกิจต่อจากนี้ของ Tidlor Holdings และกลุ่มบริษัทฯ จะมีความคล่องตัวมากขึ้น เพิ่มโอกาสในการขยายธุรกิจในอนาคต เพิ่มศักยภาพและความสามารถในการแข่งขัน เพื่อสร้างการเติบโตที่แข็งแกร่งและมีคุณภาพได้อย่างต่อเนื่องได้อีกด้วย
นอกจากนี้ Tidlor Holdings และกลุ่มบริษัทฯ จะยังคงมุ่งเน้นธุรกิจสินเชื่อทะเบียนรถ ภายใต้แบรนด์ เงินติดล้อ และธุรกิจนายหน้าประกันในรูปแบบ Face to Face ผ่านช่องทางสาขาภายใต้แบรนด์ ประกันติดโล่ ควบคู่ไปกับการต่อยอดความแข็งแกร่งด้าน InsurTech Platform ภายใต้แบรนด์ อารีเกเตอร์ (Areegator) และ เฮ้ กู๊ดดี้ (heygoody.com)
สำหรับผลการดำเนินธุรกิจในช่วงไตรมาส 1/68 บมจ. เงินติดล้อ มีกำไรสุทธินิวไฮที่ 1,218 ล้านบาท เพิ่มขึ้น 10.3% เทียบกับช่วงเดียวกันของปีก่อน และเพิ่มขึ้น 16.6% เทียบกับไตรมาสก่อน และมีรายได้รวม 5,640.4 ล้านบาท เพิ่มขึ้น 6.2% เทียบกับช่วงเดียวกันของปีก่อน
เป็นผลมาจากการดำเนินธุรกิจทั้งด้านสินเชื่อและนายหน้าประกันที่มีประสิทธิภาพ สามารถสร้างการเติบโตได้อย่างแข็งแกร่งและต่อเนื่อง และการควบคุมค่าใช้จ่ายอย่างมีประสิทธิภาพอีกด้วย
ทั้งนี้ บริษัทฯ ยังคงสามารถสร้างการเติบโตให้ธุรกิจสินเชื่อได้อย่างต่อเนื่อง ท่ามกลางสถานการณ์เศรษฐกิจยังคงเปราะบาง และสัดส่วนหนี้ครัวเรือนยังอยู่ในระดับสูง โดยผลการดำเนินงานช่วงไตรมาส 1/68 บริษัทฯ สามารถขยายฐานลูกค้าสินเชื่อเพิ่มขึ้นมากกว่า 100,000 ราย หรือเพิ่มขึ้น 10% เทียบช่วงเดียวกันกับปีก่อน
ขณะที่ยอดจัดสินเชื่อรวมเติบโต 5% เทียบช่วงเดียวกันกับปีก่อน สะท้อนถึงการดำเนินธุรกิจสินเชื่อที่มีความรอบคอบ รัดกุม และสนับสนุนให้ลูกค้าใช้วงเงินเท่าที่จำเป็น สอดคล้องกับความสามารถในการชำระหนี้ ซึ่งถือเป็นการวางรากฐานธุรกิจสินเชื่อให้สามารถเติบโตได้อย่างมีคุณภาพในระยะยาว
ส่งผลให้อัตราส่วนสินเชื่อด้อยคุณภาพต่อเงินให้สินเชื่อรวม (NPL Ratio) ณ สิ้นไตรมาส 1/68 อยู่ที่ 1.78% ปรับตัวลดลงจากไตรมาสก่อนหน้า และ Credit Cost อยู่ที่ 2.96% ปรับตัวลดลงจากไตรมาสเดียวกันของปีก่อนหน้าอีกด้วย ขณะที่ยังคงอัตราส่วนเงินสำรองต่อสินเชื่อด้อยคุณภาพ (%NPL Coverage) ในระดับสูงที่ 255.7%
ในขณะเดียวกันก็ยังมีวงเงินกู้ยืมคงเหลืออีกมากกว่า 24,000 ล้านบาท นอกจากนี้ บมจ. เงินติดล้อ ยังคงได้รับอันดับเครดิตที่ “A/Stable” จากทริสเรทติ้ง ซึ่งถือเป็นระดับสูงที่สุดเมื่อเทียบกับผู้ประกอบการในธุรกิจเดียวกัน ทั้งหมดนี้สะท้อนถึงสถานะทางการเงินที่แข็งแกร่งของบริษัทฯ และมีความพร้อมในการสร้างการเติบโตให้ธุรกิจสินเชื่ออย่างมีคุณภาพ
สำหรับผู้ถือหุ้นของ TIDLOR ภายหลังการปรับโครงสร้าง (ณ วันที่ 8 พ.ค.68)