Liberator ส่องตลาดหุ้นไทยวันนี้ฟื้นตัว กรอบ 1,200-1,230 จุด

14 พ.ค. 2568 | 03:05 น.
อัปเดตล่าสุด :14 พ.ค. 2568 | 03:05 น.

คาด SET วันนี้ฟื้นตัว ในกรอบ 1,200-1,230 จุด เงินเฟ้อสหรัฐฯต่ำคาด ผสานกับสงครามการค้าผ่อนคลาย ผสานการรายงานงบไตรมาส 1/68 หลาย บจ. ไทย ดีกว่าคาด เป็นแรงบวกต่อการเก็งสินทรัพย์เสี่ยง

นายวิจิตร อารยะพิศิษฐ นักวิเคราะห์การลงทุนปัจจัยพื้นฐาน บริษัทหลักทรัพย์ ลิเบอเรเตอร์ จำกัด (Liberator) ประเมินภาวะตลาดหุ้นไทยวันนี้ 14 พ.ค.68 ว่า คาด SET วันนี้ “ฟื้นตัว” ในกรอบ 1,200 - 1,230 จุด เงินเฟ้อสหรัฐฯต่ำคาด ผสานกับสงครามการค้าผ่อนคลาย ช่วยลดเสี่ยงการเกิด Stagflation ของสหรัฐฯ ผสานการรายงานงบไตรมาส 1/68 หลายบริษัทของไทยที่ดีกว่าคาด เป็นแรงบวกต่อการเก็งสินทรัพย์เสี่ยงมากยิ่งขึ้น

โดยวานนี้สหรัฐฯ รายงานตัวเลขเงินเฟ้อ CPI สหรัฐฯ เดือนเมษายน ขยายตัว +2.3% เทียบช่วงเดียวกันกับปีก่อน ต่ำกว่าคาดเล็กน้อยที่ +2.4% เทียบช่วงเดียวกันกับปีก่อน โดยพบว่าราคาอาหารและพลังงานชะลอตัวลง ส่วนด้าน Core CPI สหรัฐฯ ยังทรงตัวที่ระดับ +2.8% เทียบช่วงเดียวกันกับปีก่อน โดยราคารถยนต์มือสองและเสื้อผ้าย่อตัว ขณะที่ราคาที่อยู่อาศัยและการขนส่งขยับขึ้น

จากตัวเลขเงินเฟ้อสหรัฐฯที่ต่ำคาดเล็กน้อย ผสานกับการคลายความกังวลสงครามการค้าระหว่างสหรัฐฯกับจีนในช่วงสั้น ส่งผลให้ภาพสหรัฐฯเริ่มผ่อนคลายจากโอกาสเกิดภาวะ Stagflation (เศรษฐกิจชะลอท่ามกลางเงินเฟ้อสูงและการว่างงานสูง)

ดังนั้น อาจส่งผลให้การปรับลดดอกเบี้ยนโยบายของธนาคารกลางสหรัฐฯ (FED) ในช่วงถัดไปอาจไม่รีบนัก โดยเบื้องต้นเราคาดว่าช่วงที่เหลือของปีนี้ FED จะปรับลดดอกเบี้ยอีก 2 ครั้ง ครั้งละ 0.25% ในช่วงเดือน ก.ย. และ ธ.ค. 

ส่วนความคืบหน้าการเจรจาการค้าระหว่างไทยกับสหรัฐฯ ล่าสุดนายกฯได้แถลงว่าทางรัฐบาลไทยได้ยื่นข้อเสนอ (proposal) เพื่อเจรจาต่อรองมาตรการภาษีตอบโต้ของสหรัฐฯไปแล้วในสัปดาห์ที่ผ่านมา ดังนั้นคงต้องรอการนัดหมายจากสหรัฐฯในช่วงถัดไป 

สำหรับ SET คาดยังมีแรงหนุนเชิงบวกจากรายงานงบไตรมาส 1/68 ของบริษัทจดทะเบียน (บจ.) ในช่วงโค้งสุดท้ายที่หลายบริษัทรายงานกำไรดีกว่าที่ตลาดคาด เช่น CPALL, BTG, TFG, GFPT, AMATA, HANA, CENTEL เป็นต้น ถือเป็นแรงหนุนบวกต่อการฟื้นตัวของ SET

ปัจจัยที่ต้องจับตา

14 พ.ค.68

  • สต๊อกน้ำมันดิบรายสัปดาห์สหรัฐฯ

15 พ.ค.68

  • ยอดค้าปลีกสหรัฐฯ
  • ดัชนี PPI สหรัฐฯ
  • ผู้ขอรับสวัสดิการว่างงานรายสัปดาห์สหรัฐฯ
  • ผลผลิตภาคอุตสาหกรรม สหรัฐฯ และ ยูโรโซน
  • GDP ไตรมาส 1/68 ของยูโรโซน (ครั้งที่ 2)

หุ้นเด่นแนะนำ

CPALL ราคาเป้าหมายเชิงกลยุทธ์ 73.00 บาท

  • รายงานกำไรสุทธิในไตรมาส 1/68 ที่ 7,585 ล้านบาท เพิ่มขึ้น 6% จากไตรมาสก่อน และเติบโต 20% เทียบช่วงเดียวกันกับปีก่อน) ดีกว่าตลาดคาด 10% แรงหนุนจาก SSSG ที่เติบโตในทุกธุรกิจ โดยเฉพาะร้านสะดวกซื้อ
  • อัตรากำไรขั้นต้น +54bps เทียบช่วงเดียวกันกับปีก่อน และการควบคุมค่าใช้จ่ายที่ดีของธุรกิจร้านสะดวกซื้อ
  • บริษัทประกาศโครงการซื้อหุ้นคืนช่วง 16 พ.ค. – 14 พ.ย. 2025 วงเงิน 7,500 ล้านบาท จำนวนไม่เกิน 150 ล้านหุ้น